top of page

Belle Rive Luang Prabang

ที่หลวงพระบางถ้านึกถึงโรงแรมสวยๆริมแม่น้ำโขงล่ะก้อ ขอให้นึกถึง Belle Rive ค่ะ บ้านเก่า Style Colonial ที่มีหน้าต่างสีฟ้าสดใสน่ารัก ใครเดินผ่านไปผ่านมา ต้องหยุดถ่ายรูปกับที่นี่ เราเลือกมาพักที่นี่คืนสุดท้ายของทริปหลวงพระบาง เพื่อที่จะได้ลองอยู่แบบใกล้ชิดธรรมชาติริมแม่น้ำโขงบ้าง ตอนที่จองราคาอยู่ที่คืนละ7พันกว่าบาท ไปดูกันค่ะว่าข้างในเป็นยังไงบ้าง อ่อที่ Belle Riveไม่ได้มีแค่บ้านสีฟ้านะคะ บ้านด้่านซ้ายและขวาหน้าต่างสีเขียวนั่นก็ใช่

Reception อยู่ที่บ้านหลังเขียวค่ะ ห้องที่เราพักก็อยู่หลังนั้นเหมือนกัน อยู่ชั้นบนที่มีระเบียงห้องริมขวาสุด มองไปฝั่งตรงข้ามเห็นแม่น้ำโขงด้วย ช่วงนี้อากาศดี ออกมายืนสูดอากาศตรงระเบียงนี่สดชื่นสุดๆไปเลย : ) เข้ามาด้านในเราจะเจอกับบาร์เล็กๆ มุมโต๊ะทานข้าว และก็มุมเก้าอี้หวายไว้รับแขก

จากตรงนี้ ขึ้นบันไดไปก็จะถึงห้องนอนแล้วค่ะ เราจะเห็นว่าที่ฝาผนังตรงนี้ประดับด้วยชุดชาวเขาหลายชนิด ดูสวยและแปลกตาเข้ากับบรรยากาศดีเหมือนกัน

และแล้วก็ถึงตาห้องนอนมั่ง เวลาไปเที่ยวจะตื่นเต้นและลุ้นทุกครั้งตอนที่กำลังจะเปิดเข้าไปในห้องนอน ไม่ว่าห้องจะถูกหรือแพงตื่นเต้นเหมือนกันหมด และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เปิดเข้าไปในห้องแล้วต้องร้องว๊าว : ) ห้องนี้จะเป็นแบบDuplex มีสองชั้น ชั้นล่างจะเป็นโซนนั่งเล่นกับห้องน้ำ ส่วนเตียงนอนอยู่ชั้นบน บรรยากาศห้องดูมีชีวิตชีวาด้วยผนังสีส้มอิฐ สีตัดกับหมอนเขียวที่อยู่บนโซฟาหวายอย่างลงตัว เจอห้องสวยๆแบบนี้ไม่ค่อยอยากจะออกไปไหนเลยจริงๆ

เห็นบรรยากาศของห้องนอนแล้ว เข้าใจเลยใช่มั๊ยคะว่าทำไมอยากจะนอนเล่นอยู่แต่ในห้อง เตียงนอนเหมือนมีพลังดึงดูดจริงๆ 5555 ตอนที่ออกไปเดินสำรวจตึกข้างๆ บังเอิญเจอกับแม่บ้านที่เพิ่งทำความสะอาดห้องเสร็จ ก็เลยขออนุญาติแกเข้าไปดูห้องหน่อย อยากรู้ว่าห้องแบบอื่นจะหน้าตาเป็นยังไง เข้าไปก็ต้องร้องว๊าวอีกเหมือนเคยค่ะ ห้องนี้เป็นห้องชั้นเดียว การตกแต่งและโทนสีของเฟอร์นิเจอร์ก็ดูใกล้เคียงกันแต่ห้องนี้จะกว้่างกว่านิดหน่อย โดยรวมแล้วสวยน่านอนไม่แพ้กันเลย จะเก๋กว่าก็ตรงเตียงที่มีมุ้งประดับ ทำให้ดูเหมือนได้ย้อนยุคไปอยู่บ้านสมัยโบราณ

นอกจากห้องจะสวยน่านอนแล้ว ทีเด็ดของที่นี่ก็คือมุมที่นั่งทานอาหารค่ะ แขกที่มาพักจะได้มีโอกาสทานอาหารพร้อมทั้งดื่มด่ำกับบรรยากาศริมแม่น้ำโขงไปด้วย มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเหมือนได้มาพักผ่อนและได้มีโอกาสใกล้ชิดธรรมชาติอย่างแท้จริง อ่อ และอีกอย่างที่ไม่เหมือนใครก็คือ อาหารเช้าที่นี่เป็น All Day Breakfast ปกติโรงแรมทั่วไปจะกำหนดเวลาสำหรับอาหารเช้าว่าเริ่มกี่โมงถึงกี่โมงใช่มั๊ยคะ แต่ที่นี่เค้าบอกว่าบางทีแขกอาจจะออกไปทำกิจกรรมแต่เช้า กลับมาอีกทีเกือบเที่ยง ดังนั้นอาหารเช้าเลยไม่ได้กำหนดเวลาเพื่อความสะดวกสบายของลูกค้า อาหารก็ทำสดใหม่จากเตาตลอด หืมม พูดแบบนี้ยิ่งได้ใจไปเต็มๆเลย ชอบที่ใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆด้วย : )

อาหารที่นี่รสชาติดีมาก ที่ชอบสุดคือข้าวผัดหมูค่ะ จัดใส่จานเป็นรูปหัวใจมาซะสวยเลย ถ้าใครไม่ได้พักที่นี่ก็สามารถมาสั่งอาหารนั่งชมวิวแม่น้ำโขงได้เหมือนกัน ได้ยินมาว่าแกงเขียงหวานที่นี่เด็ด แต่ครั้งนี้ยังไม่มีโอกาสได้ลองเลย ไว้มาครั้งหน้าจะไม่พลาด : )

อีกหนึ่งบริการที่ถูกใจแขกทุกคนที่มาพัก ก็คือการไปนั่งเรือชมพระอาทิตย์ตกที่แม่น้ำโขงค่ะ ถ้าเราไปเช่าเรือจากชาวบ้านเองก็ต้องมีไม่ต่ำกว่า 500 บาท แต่ถ้าพักที่โรงแรมนี้ ฟรีค่ะ!ทางโรงแรมจะให้เราเลือกเครื่องดื่มอะไรก็ได้คนละ 1 ชนิด เราเลือกไวน์แดง ส่วนตาลผู้ไม่ทานแอลกอฮอล์เลือกน้ำสับปะรด 5555 เรือจะออกตอน 5 โมง กลับมาถึงท่าก็ประมาณ​ 6โมง เบ็ดเสร็จก็หนึ่งชั่วโมงพอดีที่ใช้เวลาอยู่บนเรือ วันที่เราไปคนไม่เยอะ ทั้งเรือมีแค่ 4 คนเอง มีเรากับตาลแล้วก็ชาวจีนหน้าตาใจดีอีกคู่นึง เรือแล่นไปซักพัก ไกลพอที่จะเห็นวิวมุมกว้างของแม่น้ำโขง แล้วคนขับเรือก็บังคับเรือให้จอดขวางกับแม่น้ำและดับเครื่อง เพื่อที่พวกเราจะได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกอย่างเต็มๆตา

พูดได้ว่านี่เป็นการล่องเรือที่สงบสุขสุดๆเลย บรรยากาศมันสงบจนไม่มีใครพูดกันเท่าไหร่ เสียงน้ำกระทบกาบเรือเป็นระยะ ชาวบ้านคงกำลังเตรียมทำอาหารเย็นกันอยู่ กลิ่นควันของเตาถ่าน ผสมกับกลิ่นสดชื่นของดอกไม้และต้นไม้ใหญ่ริมแม่น้ำโขงมันช่างหอมจริงๆ ถ้าเราสามารถเก็บกลิ่นของบรรยากาศตอนนั้นได้เหมือนถ่ายรูปก็คงดีเนอะ แต่ทำไม่ได้ไง เลยเลือกที่จะนั่งนิ่งๆจดจำความรู้สึกตอนนั้นไว้ให้ได้มากที่สุด และไม่ลืมที่จะถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก

นอกจากได้นั่งดูพระอาทิตย์ตกกลางแม่น้ำโขงแล้ว ของแถมที่ได้รับก็คือได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านรอบๆบริเวณนนั้น ของแบบนี้แล้วแต่คนชอบจริงๆนะ กับบางคนที่ไม่ได้อินกับธรรมชาติและวิถีชีวิตเท่าไหร่ก็อาจจะเบื่อ แต่เราเห็นแล้วชอบดูมากๆ รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์และอยากจะจำเอาไว้ให้หมด เพราะเมื่อกาลเวลาผ่านไปความเจริญเข้ามาแทนที่ เราอาจจะไม่ได้เห็นภาพแบบนี้อีกแล้วก็ได้

เช้าวันสุดท้ายก่อนที่จะกลับกรุงเทพ หลังจากที่ทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตาลขึ้นไปเก็บของบนห้อง เราขอเวลา10นาที เพื่อเดินมานั่งทอดอารมณ์คนเดียวริมแม่น้ำโขง ไม่อยากจะกลับเลยให้ตายสิ เช้าวันนั้นอากาศค่อนข้างเย็นและฝนก็ทำท่าจะตกด้วย บรรยากาศชวนให้เหงายังไงพิกล ในขณะที่กำลังปล่อยความคิดให้ลอยไปเพลินๆ ก็บังเอิญมองไปเห็นหมอกสีขาว ลอยน่ารักอยู่แถวๆยอดเขาไกลๆตรงโน้น ทำให้เผลอยิ้มออกมาคนเดียวอย่างไม่รู้ตัว : ) "หมอกตอนเช้าน่ารักจัง" แล้วเจอกันใหม่นะหลวงพระบาง สัญญา ว่าจะกลับมาหาอีก...

ถ้าใครสนใจจะไปพักผ่อนริมแม่น้ำโขงที่หลวงพระบาง สามารถดูรายละเอียดที่พักเพิ่มเติมได้ที่ www.thebellerive.com ได้เลยค่ะ 

bottom of page