top of page

The story of jaipur

ว่ามั๊ยช่วงนี้ใครๆก็ไปชัยปุระ เมืองนี้มีอะไรดี? หลังจากที่ได้ไปอยู่มา 7 วันก็เก็ทเลยว่าทำไมหลายคนถึงได้ติดใจหลงเสน่ห์ชัยปุระกันขนาดนี้

ชัยปุระเป็นเมืองในประเทศอินเดียที่มีสถาปัตยกรรมสวยสะดุดตา ที่นี่เราจะสัมผัสได้ถึงความเป็นอินเดียผสมผสานกับความเก๋ ความชิค แบบที่หาไม่ได้จากที่อื่น ไม่ว่าจะเป็นบ้านเมือง ผู้คน สีสันต่างๆ มันมีเสน่ห์ในตัวเองแบบที่เผลอรักไปตอนไหนก็ไม่รู้ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ที่สำคัญมุมถ่ายรูปเพียบ ถ่ายกันให้นิ้วล๊อคไปข้างนึงเลย รับรองว่าไปทริปเดียวมีรูปโพสได้ตลอดปี 55555 อยากให้ลองมาซักครั้งแล้วจะเข้าใจ

เที่ยวที่นี่ค่าครองชีพไม่แพง ทริปนี้เรามา7 วัน แพลนไว้คือไป 3 เมืองที่ใกล้ๆกันเริ่มจาก ชัยปุระ จ๊อดปูร์ และพุชการ์ ทำตารางให้มีเวลาสำรวจแต่ละเมืองแบบทั่วๆ ไม่ต้องเร่งรีบ เลยมีเวลานั่งจิบชาในคาเฟ่สวยๆ เดินทอดน่องชิลๆถ่ายรูปไปเรื่อย นั่งขี่อูฐชมวิว ลองเข้าร้านนวดกับคนอินเดีย ได้ไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกบนดาดฟ้าบ้านคนแปลกหน้า นอนในโรงแรมถ้ำ ไปช๊อปปิ้งผ้าสวยๆ โอ๊ย!! เบ็ดเสร็จ 7วัน ค่าใช้จ่ายแค่คนละ2หมื่นนิดๆเอง นี่รวมตั๋วโปรกับค่าเช่ารถพร้อมคนขับตลอดทริปแล้วนะ (ไม่รวมค่าช๊อป)ราคานี้คือดีงามมากถ้าเทียบกับประสบการณ์และความสนุกที่ได้มา พูดเลยว่าคุ้ม : )

You might have seen photos or heard of Jaipur more often recently and wonder what’s so special about this city? After spending 7 days in Jaipur and nearby cities, we now know why Jaipur is one of the places in India you can’t miss and why people fall in love with it.

Jaipur, also known as the Pink City, is famous for its beautiful and mesmerizing architecture. The colors of the buildings, the streets, and the people make the city delightful and unique. Moreover, instagrammers and selfie lovers will definitely love this place and never get bored bcoz one can take pictures at every single corner of this lovely city and get sooo many pictures to share for months.

Our 7 days trip started from Jaipur, Jodhpur, and Pushkar. We had plenty of time to explore each city; sipping tea in café, walking along the street, riding camel, try local massage, watching the sunset on local’s balcony, staying in cave hotel, fabric shopping. All of these including flights tickets and personal driver cost us just 2x,xxx THB each!!  It’s surely worth it and we already plan to go back.  

เรื่องน่ารู้ก่อนไป

 

  • การเดินทาง นั่งเครื่องบินตรงไป 4ชม.โดยสายการบินแอร์เอเชีย Flight FD130 20.00-22.50PM ขากลับ FD 131 25 OCT 23.35-5.20 AM

  • เวลาที่โน่นช้ากว่าไทย 1.30 ชั่วโมง

  • สภาพอากาศ ช่วงปลายเดือนตุลา อากาศเย็นเบาๆตอนเช้าและกลางคืน

  • วีซ่าอินเดียทำออนไลน์ได้เลย กรอกเอกสารหน้าเวป ไม่ยุ่งยากและสะดวกมากค่ะ ค่าทำประมาณ 2 พันกว่าบาท เข้าลิ้งค์นี้ได้เลย https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html

  • ค่าเงิน เอาเงินไทย หาร2 เท่ากับเงินรูปี เช่น 100 รูปี = 50 บาท

  • การแต่งตัว ไปอินเดียไม่มีใครแต่งตัวโป๊กันนะคะ ไม่ใส่ขาสั้น เตรียมชุดไปให้ดี เน้นสีสันสดใสๆ จะได้ถ่ายรูปสวยกลมกลืนกับคนที่โน่น

  • ร้านอาหาร ที่นี่มีอาหารหลากหลายชนิดให้เลือกนะคะ ถ้าใครไม่ค่อยชอบเครื่องเทศ ก็สามารถไปทานร้านที่มีขายอาหารฝรั่ง มีทั้งพิซซ่า ซุปข้าวโพด ซุปเห็ด และอื่นๆอีกมากมาย ค่าครองชีพที่นี่ไม่แพง อาหารก็จะราคาถูกกว่าไทย ถ้าคิดถึงรสชาติไทยๆก็พกมาม่าไปเยอะๆ 555

  • ที่พัก มีหลากหลายราคาให้เลือกแล้วแต่งบเลย ทริปนี้เราเลือกที่พักแบบราคาไม่แพงแต่ดี คุณภาพคุ้มราคามาก 

  • การเดินทางในเมืองไปแต่ละที่ เช่ารถพร้อมคนขับเดินทางสะดวกสบายมากๆ ติดต่อคนขับได้ที่ Tara Chand Whatsapp +91 97998 66326 ค่าเช่าพร้อมคนขับ 72USD ต่อวัน รวมค่าน้ำมันแล้ว

  • บรรยากาศเมือง คนอินเดียน่ารักและเฟรนลี่มากๆ เราชอบยิ้มทักทายและพูดว่านมัสเตกับพวกเค้า อ้อแล้วก็อีกอย่างนึง ไม่ว่าใครก็ตามมาเที่ยวที่นี่จะต้องมีคนอินเดียมาขอถ่ายรูปด้วย อันนี้เป็นเรื่องปกตินะ เค้าฮิตถ่ายรูปกับชาวต่างชาติ

  • สถานที่หลักๆ วังและ Fort ต่างๆให้เอากล้องถ่ายรูปเข้าไปได้ แต่ห้ามเอาขาตั้งกล้องเข้าไป 

Useful information:

  • 4 hours flight from Bangkok to Jaipur by AisAsia flight FD130 20.00-22.50hrs. and Jaipur to Bangkok FD131 23.35-05.20hrs.

  • 1.30 hours behind Bangkok local time

  • In October the weather is cool in the morning and evening but extremely during the day

  • Applying visa is easy. You can do it online and get it approved within 3 days

  • Exchange rate : 100INR = 50 THB

  • No shorts for girls. Pack colorful clothes so it’ll look nice and lively on your photos

  • There’re varieties of food. If you think you’re not used to Indian spices there’re of course some restaurants that serve international menus like pizza, soup, etc. Since the cost of living is not high, food here are cheaper than in Thailand. But if you don’t want to miss Thai food, bring some ready-to-eat rice or instant noodles.

  • Hotels depend on your budget. The hotels where we stayed are inexpensive and at very reasonable with facilities provided.

  • We rent a car with driver to travel around during the trip at 72USD/day (including gas). Contact Mr. Tara Chand on Whatsapp +91 97998 66326

  • Indian people are nice and friendly and they love taking pictures with foreigners.

  • Most of tourist places like palaces, forts do not allow to bring tripods in.

คราวนี้ก็มาถึงที่เที่ยวบ้างค่ะ มาดูกันว่าที่ๆน่าสนใจในแต่ละเมืองที่เราไปมีที่ไหนบ้าง เริ่มจากที่เมืองชัยปุระ PINK CITY ก่อนเลย

1.CITY PALACE

ที่นี่คือวังที่สวยมากก เป็นที่ๆเราคิดว่ามีมุมถ่ายรูปเยอะที่สุด ที่นี่จะอยู่เลย Hawa Mahalไปนิดนึงถ้าเดินก็ประมาณ10นาทีถึง เปิด 9AM แนะนำให้มาเป็นที่แรกเพราะถ้ามาสายคนจะเยอะมว๊าก ค่าเข้าปกติ 500 รูปี เดินชมได้แต่รอบนอก ถ้าแบบพิเศษที่สามารถไปชมในตัวพระราชวังได้จะอยู่ที่คนละ 2,500 รูปี`ในราคานี้จะมีไกด์ให้ด้วย มีชามีเครื่องดื่มให้นั่งจิบและนั่งชิลดื่มด่ำความสวยงามในพระราชวังได้ เราเลือกแบบแพงเพราะอยากไปเห็นห้องสีฟ้าสวยๆด้วยตาตัวเองซักที ยอม จะบอกว่าถ้ามาถึงแล้วควรพุ่งตัวไปที่ประตูนกยูง (Peacock Gate) ก่อนเลย เพราะถ้าตอนที่คนเยอะจะถ่ายรูปไม่ค่อยสะดวก ถ้าไปเช้าๆฟินมากไม่มีคนเลย ถ่ายประตูนกยูงกี่แอ๊คก็ได้ให้หนำใจ จากตรงนี้เสร็จแล้วค่อยไปเก็บส่วนอื่นๆต่อค่ะ

Let’s see where we went during the trip. We started from Jaipur, the Pink City.

 

CITY PALACE: is a must-see when visiting Jaipur.  The palace is incredibly beautiful especially the famous Peacock Gate. Entrance fee is 500INR which allows you to walk around the palace in a certain area, or 2500INR including a guide then you can go to the inner parts of the palace. We chose to pay higher as we wanted to see as much as we could, particularly the Blueroom, with our own eyes.

The palace is open from 9:00am to 5:00pm. We would suggest going in the morning and walk to the Peacock Gate first so there won’t be too many people and you can take as many pictures as you want then off to other areas later.

2. HAWA MAHAL หรือพระราชวังสายลม ที่นี่คือวังสีชมพูในตำนาน ที่มีความสวยเว่อร์วังตั้งอยู่ริมถนน ใครมาเที่ยวที่ชัยปุระแล้วไ่ม่ได้มาถ่ายที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึง เราสามารถยืนถ่ายรูปที่ด้านหน้าริมถนนได้เลย หรือไปตรงคาเฟ่ฝั่งตรงข้ามก็ได้ มีสองที่ๆสามารถเห็นวิวนี้ก็คือ 1.Wind view Cafe และ 2.Tatto Cafe เราไปที่แรก สั่งน้ำส้มแก้วนึงนั่งดูวิวพระราชวังสายลม ลมพัดมาเบาๆ มีเสียงแตรดังเป็นจังหวะแร๊ป ดูชีวิตผู้คนอินเดียสัญจรไปมา อืมม ก็เพลินดีนะ 555

HAWA MAHAL: Located on the busy shopping street of the city, Hawa Mahal or the Palace of Winds is also one of the places you can’t miss in Jaipur. If you want to take photos of the whole building, you can check in at cafes across the street and take pictures from there while sipping drinks. Wind View Café and Tattoo Café have perfect location.

3. GALTA JI MONKEY TEMPLE หรือเรียกอีกชื่อว่าวัดลิง ที่นี่มีลิงเต็มเลย มาที่นี่ควรจ้างไกด์เพื่อความอุ่นใจ เพราะเอาไว้คอยดูแลเราไม่ให้ลิงมารุมเราเยอะเกินไป ราคา100รูปี ระหว่างทางขึ้นวัดจะเจอแขกเป่าปี่ให้งูเห่าออกมาเต้นระบำ ถ้าอยากถ่ายรูปด้วย เตรียมไว้20รูปีจ่ะ เราเดินขึ้นไม่ถึงวัด เพราะไกลพอสมควรและแดดร้อน เดินไปถ่ายบรรยากาศครึ่งทางก็ลงมาละ แต่สนุกตรงได้นั่งเล่นกับลิง ลิงที่นี่ไม่ดุเท่าลิงไทยมันขอกินถั่วเฉยๆ ไม่มาแย่งของ แต่ก็ไม่ควรประมาทสัตว์หน้าขน --"

GALTA JI MONKEY TEMPLE: The place got its name for a reason. There’re monkeys everywhere! We paid 100INR for a guide who really knows how to control these monkeys. On the way up there was a snake charmer. If you want to take a picture with the snake, take out 20 Rupees note. Monkeys here are not aggressive. They may climb on you to get food but anyway, just make sure that your belongings are not grab-able.

4. ALBERT HALL MUSEUM ที่นี่ห้ามเอากล้องใหญ่เข้า ถ่ายรูปได้จากมือถือเท่านั้น ข้างในเหมือนพิพิธภัณฑ์มีของโบราณหลายยุคหลายสมัยให้ดู ดูข้างในเสร็จแนะนำให้เดินออกมาถ่ายรูปด้านหน้าริมถนน มองจากมุมนี้เข้าไปสวยดี และตรงนี้ก็มีนกพิราบเยอะ ถ่ายรูปออกมาได้ฟิลขลังๆ ชอบ : ) ค่าเข้า 150 รูปี

ALBERT HALL MUSEUM: cameras are not allowed here so you can only take pictures from your phone. There’re collections of ancient pieces, paintings and sculptures. A good spot to take pictures is at front. You’ll get a view of the whole building and the flying pigeons will probably make your photos ever more beautiful. Entrance fee 150INR.

5. NAHARGARH FORT ป้อมนาหรครห์ ในอดีตปราการนี้เคยเป็นเสาหลักในการป้องกันการรุกรานจากข้าศึกต่างๆ ที่นี่กว้างมากพอสมควร แนะนำว่าให้ไปตอนเย็นเพื่อดูพระอาทิตย์ตก มองวิวมุมสูงจากที่นี่แล้วรู้สึกสงบ สุขใจ เหมาะมานั่งเงียบๆ มองพระอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้า ทอดอารมณ์ไปเรื่อยๆ ชิลระดับ10

NAHARGARH FORT: was one of the main forts in Jaipur. The best location to watch the sunset. You’ll see the entire city from the top. Chill to the max.

4V0A6512

6.PANNA MEENA KA KUND STEPWELLตรงนี้ไม่ไกล อยู่ก่อนถึง Amber Fort นิดเดียวเอง Stepwell ของอินเดียก็อารมณ์ประมาณบ่อน้ำที่ให้ผู้คนได้มาใช้ดื่มกิน ใช้อาบ โดยสร้างบันไดให้เดินลงไปง่ายๆ แค่บันไดที่เค้าสร้าง มันสวย มีความครีเอทีฟมากๆ เห็นว่าเค้าห้ามลงแล้ว แต่ตอนที่เราไป ตำรวจที่เฝ้าแถวนั้นเดินมาหาแล้วถามว่า อยากลงมั๊ย ถ้าอยากคนละ 100 รูปี 50 บาทเอง เราก็ตกลงอย่างไม่ลังเล เค้าให้ลงได้แค่ 10 นาที แค่นี้ก็ฟินละ

PANNA MEENA KA KUND STEPWELL: an old stepwell near Amber Fort. The place is amazing for its symmetrical stairs. Understand that normally we’re not allowed to walk down the stairs but the guards asked us if we want to. Sure we do! Then we paid him 100INR and got these nice shots.

7. AMBER FORT ที่นี่สวย มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมากๆ มีช้างให้ขี่ด้วย แนะนำให้มาตอนเช้า จะได้ไม่ร้อน ช้างจะอยู่ถึงประมาณ11โมง ถ้ามาเที่ยงเป็นต้นไปก็อดเห็นช้างละนะ ค่าเข้าคนละ 500รูปี ภายในพระราชวังนี้ จะมีรายละเอียดบนผนังที่สวยงาม ปราณีต มีลวดลายอ่อนช้อยงดงามและ มีสวน Char Bagh อยู่ภายในพระราชวังด้วย

AMBER FORT: is very picturesque. We recommend going in the morning because it won’t be too hot and elephant ride is available till noon so you can take a ride around the fort if you want. Inside, between the two palaces lays the Char Bagh garden which is beautifully designed and well-maintained. Entrance fee 500INR.

8. JAWAHAR CIRCLE GATE  ไม่ค่อยเห็นคนไทยมาเที่ยวที่นี่เท่าไหร่เลย จะบอกว่าควรอย่างยิ่ง โคดสวย เค้าสร้างที่นี่เป็นซุ้มประตูใหญ่ๆ ข้างในซุ้มลวดลายและโทนสีแบบเคลิ้มมาก น่ารักมาก ถ่ายรูปออกมาสวยมากจริงๆ แนะนำว่าไม่ควรพลาด ที่นี่ฟรี ไม่มีค่าเข้า

JAWAHAR CIRCLE GATE: We didn’t see Thais when we came here. Some tourists probably see the gate and drive past. But trust us! This place is, again, another must see place. It’s not just a gate but also one of the largest circular gardens in Asia. The gate is stunningly beautiful. The paintings, design, and colors are gorgeous. There is also musical fountains show in the evening. No entrance fee.

9. CAFE PALLADIO ที่นี่เป็นคาเฟ่ที่มองไปทางไหนก็รู้สึกว่าน่ารักไปหมด ไม่ว่าจะเป็นจานชาม เมนู โต๊ะ เก้าอี้ วอล์เปเปอร์ทุกอย่างดูกลมกลืนลงตัว เหมือนอยู่ดีๆหลุดมาอยู่โซนยุโรปเลย มีทั้งที่นั่งโซน Indoor และ Outdoor อาหารก็อร่อยดี มีพิซซ่า มีอาหารฝรั่ง ไม่ได้มีแต่อาหารอินเดีย ราคาพอๆกับกินที่คาเฟ่ในไทย

CAFÉ PALLADIO: Everything here is so lovely, the dishes, menus, tables, wallpaper are well selected and decorated. They serve a lot of international dishes like pizzas, pastas, sandwiches. Prices are about the same as cafes in Thailand.

10. BAR PALLADIO เจ้าของเดียวกับ CAFE PALLADIO แต่ที่นี่จะคนละคอนเซปเป็นโทนสีฟ้า แต่ความเก๋ไม่แพ้กันเลย ดีเทลในการตกแต่งต่างๆเรียกได้ว่าเลิศหรูดูดีมากๆ เปิดตั้งแต่ 6โมงเย็นเป็นต้นไป อ้อ และร้านนี้ห้ามใช้กล้องถ่ายรูปนะคะ เค้าอนุญาติให้ใช้มือถือถ่ายเท่านั้น Panna Cottaอร่อยนุ่มลิ้นมากๆ ต้องลอง

BAR PALLADIO: A few minutes’ walk from Café Palladio, Bar Palladio is an Italian bar/restaurant of the same creator which is exquisitely decorated in blue. Cocktails are great and panna cotta is a must try. It’s open at 6pm. and you can only take pictures from your phone.

ที่พักในชัยปุระเราเลือกพักที่ Haveli Kalwara ที่นี่ราคาตกคืนละ 900 บาท พูดเลยว่าตัดสินใจจองที่นี่เพราะชอบห้องอาหาร 5555 ทำเลอยู่ใจกลางถนนเส้นที่เค้าขายของแถวๆ Old town และ City Gate ดีตรงที่ถ้าถึงโรงแรมแล้วเบื่อๆสามารถออกไปเดินเล่นดูบรรยากาศได้เลย ห้องก็ถือว่าสะอาดใช้ได้ แต่ผ้าห่มที่ให้บางมาก ความหนาเท่าผ้าคลุมเตียง มีแอร์ มีน้ำอุ่น มีน้ำเปล่า ชา กาแฟให้โดยรวมในราคานี้ถือว่าคุ้มค่าเว่อ เจ้าของเป็นคู่สามีภรรยา น่ารักและเฟรนลี่

We stayed at Haveli Kalwara which locates right at the center of old town which is very convenient to walk around to local restaurants and bazar. The blue room or the dining area is very nice and actually this is one of the reasons why we booked here. Moreover, it’s just 900THB/night. The room was clean and well equipped, however, blanket was quite thin but the staffs were very helpful and willing to provide you extra.

jodhpur the blue city

ระยะทางจากชัยปุระไปยังจ๊อดปูร์ก็ไกลเอาการอยู่เหมือนกัน ประมาณ 6 - 7 ชั่วโมง พูดง่ายๆว่าเสียเวลาไปเลยวันนึง เราออกจากชัยปุระประมาณ 8โมงครึ่งไปถึง 3โมงครึ่งก็ทันเวลาแสงเย็นพอดี ที่แรกที่ไปก็คือ

1. MEHRANGARH FORT

รู้สึกคิดถูกมาก มาที่นี่ตอนเย็นแดดไม่ร้อนแลย แล้วแสงเย็นที่นี่ก็สวยจริงๆ ค่าเข้าที่นี่ 500 รูปี ค่าเอากล้องเข้าไปถ่าย 100 รูปี ค่าลิฟท์อีกคนละ 50 รูปี ได้มองวิวเมืองสีฟ้าจากมุมสูงตอนที่พระอาทิตย์ใกล้จะตก รู้สึกฟินมาก ชอบที่นี่มาก

ด้านในก็จะมีพิพิธภัณฑ์และห้องสวยๆให้ดูเต็มไปหมด

The driving distance between Jaipur and Jodhpur is approximately 361 km. or 6-7 hour drive. We left Jaipur at 8.30am. and arrived Jodhpur around 3.30pm. Our first stop was:     

 

MEHRANGARH FORT: We arrived just in time to catch the sunset. The view from the top of the fort was breath taking. Soft evening light shone over the whole Blue City beneath. This was just made our day. The museum and other rooms were impressive. Entrance fee 500INR. DSLR camera usage 100INR. Lift to the top 50INR.

2. JASWANT THADA

มาที่นี่ตอนเช้า ก็ดีคือแดดไม่ร้อน สรุปว่าพวกสถานที่ไฮไลท์ ให้ไปตอนเช้าหรือไม่ก็เย็นไปเลย เพราะแดดไม่ร้อนมันจะชิวกว่าไปตอนเที่ยง ที่นี่สวยดี สร้างจากหินอ่อนสีขาวทั้งหมด ข้างในไม่มีอะไรให้ดูมาก จะดูความสวยของสถาปัตยกรรมมากกว่า ที่นี่นกเยอะมาก ในวีดีโอตอนนกบินสวยๆก็ถ่ายจากที่นี่ ค่าเข้า 50 รูปี

JASWANT THADA: It’s a monument made out of white marble. The architecture is very elegant and detailed. Entrance fee 50INR.

3. SARDAR MARKET ที่นี่เป็นตลาดที่อยู่ตรงหอนาฬิกา บรรยากาศวุ่นวายระดับ10 ทั้งฝุ่นทั้งคน ทั้งรถ ทั้งวัว แต่มาแล้วก็ต้องมาสัมผัสกับบรรยากาศค่ะ ได้ตุ้มหูน่ารักๆมา 100รูปี 50บาทเอง เห็นราคาไม่แพงแล้วเลยไม่ได้ต่อ ช่วยๆเค้า ตรงหัวมุมด้านในมีร้านไข่เจียวชีสในตำนาน ตอนแรกก็ชั่งใจกินดีป่าววะ เห็นคนเกาหลีกับแฟนฝรั่งนั่งกินอยู่ เค้าบอกอร่อยๆ เลยลอง เออ ก็อร่อยดีนะ ไม่มีไรมาก ก็คือทอดไข่เจียว ใส่ชีสลงไป ใส่พริกไทย เสร็จแล้วก็เอาขนมปังมาประกบราคาไม่แพง มีหลายราคาขึ้นอยู่กับว่าจะใส่อะไรบ้าง เบสิคก็ประมาณ 50รูปี 25 บาท

SADAR MARKET: is a bustling local market near the clock tower. We got a nice pair of earrings for just 100INR or 50THB and found the famous omelette shop. We hesitated at first but then a couple who were eating there told us it was good so we tried one. It was an omelette with cheese and 4 slices of toast which was really nice and worth the price (50INR).

4. STEPWELL CAFE  ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากหอนาฬิกาเดินประมาณ 7นาทีเปิด Google Map นำทางมาก็ได้ เป็นคาเฟ่เล็กๆที่นั่งมองวิวบ่อน้ำ Stepwell ได้ ไก่ทอดกับเฟรนฟรายที่นี่อร่อยอะ เป็นที่ๆมานั้งพักหลบร้อนได้ดี นั่งเพลินได้ยินเสียงอะไรตู๊มๆ มองออกไป เจอเด็กๆมากระโดดน้ำเล่นกันที่นี่ มองแล้วก็เพลินน่าสนุกมากเลย คิดในใจ ทำไมมันไม่กลัวกันเลยวะเนี่ย โคดสูงเลย

STEPWELL CAFÉ: A café overlooking the stepwell is such a nice place to chill out in the heated afternoon. The food was delicious and we enjoy watching the local boys jumping into the stepwell.

5. JODHPUR OLD TOWN ในโซนเมืองเก่าจ๊อดปูร์คือโซนบ้านสีฟ้าและสีน่ารักอื่นๆที่ลงรูปไป ชอบบรรยากาศมาก คือบ้านสีมันจะน่ารัก มีดีเทลวินเทจเก๋ๆ แล้วเสื้อผ้าของพวกเค้าก็สีสันสดใสกันโอ๊ย จำได้ว่าถ่ายรูปไม่หยุดอะ สนุกมาก บางมุมมันก็จะมีกองขยะ กองขี้วัว แต่ความตื่นเต้นที่เจอของแปลกใหม่มีมากกว่าเลยมองข้ามพวกนี้ไป ที่สำคัญจะบอกว่า โซนบ้านน่ารักๆสีๆมันไม่ได้อยู่ให้เราเห็นง่ายๆ คือเราต้องเดินเข้าซอยเล็กซอยน้อยไปเรื่อยๆ มีกระจายอยู่ทั่วไปในแถบนั้น ถามชาวบ้านเค้าจะชี้ทางให้ เจ้าของโรงแรมผู้หญิงบอกว่าต้องจ้างไกด์ 800 รูปีถึงจะเจอบ้านพวกนี้ โชคดีที่ไม่หลงเชื่อ เดินหาเองก็ได้ไม่ได้ยากมาก ไม่ต้องเสียตัง ให้ถามหาโซน Brahmapuri

JODHPUR OLD TOWN: is the area where you’ll find blue houses. Even the city called ‘Blue City’ but it’s wasn’t so easy to find these houses. The owner of the hotel where we stayed told us to hire a guide for 800INR but we didn’t. We walked through small alleys and asked some locals then finally found Brahmapuri area. You’ll be mesmerizing with the blue houses and their details. We remember we stopped every 10 steps we walk, and enjoyed taking photos of the houses and locals a lot.

ที่พัก เราพักที่ RANI MAHAL เป็นโรงแรมที่เหมือนอยู่ในถ้ำเลย คอนเซปต์เค้าน่ารักดี ข้อเสียคือโซนนี้ห้ามรถเข้าคนขับรถก็เลยมาส่งที่นี่ไม่ได้ เราต้องต่อรถตุ๊กๆเข้ามาอีกที ครั้งละ 150 รูปี จาก Sardar Market แต่ก็รู้สึกชอบนะ เพราะโรงแรมอยู่ใจกลางเมืองเก่าโซนบ้านสีฟ้าเลย แล้ววิวตรงดาดฟ้าอลังมาก เห็น Fort ชัดแจ๋ว ตอนที่ไปเค้าฉลองเทศกาล Diwali กันอยู่ นั่งอยู่ตรงดาดฟ้ามองพลุ อากาศเย็นๆ มีความสุขเลยแหละ ตื่นเช้ามาก็มาเดินเล่นถ่ายรูปผู้คน คนชอบถ่ายรูปไม่ควรพลาดที่นี่นะ มันมีเสน่ห์มาก เจ้าของโรงแรมเป็นผู้หญิงที่ดูคล่องๆ ห้องพักสวยดี ห้องน้ำสะอาดแต่ชอบมีเศษปูนหล่นมาตรงพื้นห้องนิดหน่อย เนื่องจากแต่งดิบๆแบบถ้ำ ราคาคืนละ 2พันกว่าบาท อยู่ที่นี่อยากได้ปาแตงมาก เวลาเดินในห้องในโรงแรมจะได้รู้สึกไม่สากเท้า

In Jodhpur we stayed at Rani Mahal, an ancient castle-like hotel located right in the middle of the Blue City with an amazing view of Mehrangarh Fort from the rooftop. It was Diwali festival during the time we were there. At night, we sat on the rooftop watching fireworks with Mehrangarh Fort in the background. That moment we thought we made the right decision to come here. The room costs about 2000THB/night which we think it worth. But, the room was a little bit dusty and you can only take tuk tuk to the hotel because the street is too narrow for cars.

pushkar the holy city

ผู้คนเรียกที่นี่ว่า Holy City เป็นเมืองที่ศักดิ์สิทธิ์ คนที่อาศัยในเมืองนี้ทุกคนกินมังสวิรัติ ตามร้านอาหารก็ไม่มีเนื้อสัตว์ขาย ชอบที่นี่เพราะผู้คนใช้ชีวิตชิลๆ ฮิปปี้ๆดี ที่ตลาดมีของน่าสนใจให้ช๊อปเยอะมาก โดยเฉพาะผ้าแขกเนื้อดี ลายสวยๆราคาไม่แพง แล้วก็ของ Handmade เก๋ๆเต็มไปหมด มีข้อควรระวังนิดนึงตรงที่บริเวณทะเลสาบกลางเมือง ตรงนี้เป็นที่ๆผู้คนไปอาบน้ำกัน เค้างดถ่ายรูปในโซนนี้เพื่อเป็นการให้เกียรติผู้คนที่อาบน้ำกันอยู่ ให้เป็นพื้นที่ๆเค้าอาบน้ำได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่ามีกล้องจะมาถ่ายตอนที่กำลังโป๊

Pushkar is calm and peaceful city. People here are laid back and according to our driver they’re all vegetarian. Some said it’s a hippies’ paradise. There’re lots of nice things to buy like fabrics and handmade stuffs. One of the attractions in Pushkar is Pushkar holy lake where locals and some travellers come for holy bath. One thing you need to be careful is do not take photos when people take bath especially ladies.

PUSHKAR FAIR โชคดีมากจังหวะที่เรามาเมืองนี้ เป็นช่วงเทศกาลค้าอูฐพอดี ปีนึงจะมีแค่ครั้งเดียวมันคือเทศกาลที่คนอินเดียเค้าซื้อขายอูฐกัน เพราะฉะนั้นอูฐจากทั่วทุกสารทิศจะมารวมตัวกันที่นี่ นักท่องเที่ยวก็จะมาเที่ยวที่นี่ในเดือนนี้เยอะมาก ก็จะได้ฟิลคึกคักหน่อยๆ ตื่นเต้นกับบรรยากาศที่นี่มาก สนุกมากๆ(อีกแล้ว) ชอบการขี่อูฐมากกว่าขี่ช้างนะ มันไม่รู้สึกโคลงเคลงเท่า จะตื่นเต้นก็ตอนขึ้นกับลงนี่แหละที่ต้องเกาะแน่นๆ เพราะอูฐจะเอนตัว ทำให้เรารู้สึกเหมือนจะหล่น 5555

We were lucky the Camel Fair took place by the time we arrived. It’s one of the largest livestock fair in India being held once a year where people come trade their camels, horses, and there’re also some competitions and animal races. We were so excited to see thousands of camel and had a chance to ride. Such a great experience!

เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองชิลๆ และมีนักท่องเที่ยวมาเยอะ ก็เลยมีคาเฟ่เก๋ๆเยอะอยู่เหมือนกัน มีที่แนะนำอยู่ 2 ที่ ที่แรกคือ Out of the blue ร้านนี้โคดสวย แต่งโทนสีฟ้าหมดเลย มุมถ่ายรูปเยอะ อาหารอร่อยดี มีหมี่ผัดแบบจีนรสชาติก็งั้นๆ แต่กินแล้วพอให้หายคิดถึงอาหารไทยได้บ้าง น้ำชามะนาวปั่นอร่อยมาก กินแล้วสดชื่น ร้านอยู่ใจกลางตลาดเลย หาไม่ยาก มื้อเย็นมานั่งกินอาหารที่ดาดฟ้าจะชิลมากเพราะมองเห็นวิวทะเลสาบ

There’re quite a lot of cafes here. First we went to Out of the Blue, a small café beautifully decorated in blue located in the middle of the market. Iced lemon tea was very refreshing and Chinese fried noodles was alright. At least we had something familiar to Thai food after a long trip. The rooftop offers an amazing view of the lake.

ร้านถัดมาคือ COFFEE TEMPLE จะอยู่ริมทะเลสาบ นั่งชิลบน rooftop มองวิว โคดดี แนะนำเลย อาหารที่นี่อร่อย ขนมปังปิ้งใส้เห็ดใส่ชีสกับซุปเห็ดอร่อยเว่อ ให้10คะแนนเต็มไปเลย ชอบบรรยากาศ เปิดเพลงเพราะด้วย ร้านนี้ก็ไม่ควรพลาดอีกเช่นกัน แนะนำให้แวะมาค่ะ

The next day we went to Coffee Temple, another café by the lake with fantastic view from the rooftop. Mushroom cheese toasts and mushroom soup were so delicious. Great ambience and music.

ที่พัก ที่พุชการ์เราพักที่ Rising Star Hotel จะบอกว่าภูมิใจมากกับที่พักเพราะราคาแค่คืนละ 300 บาทเท่านั้น 555555 อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ 300 บาทจริงๆ เกิดมาไม่เคยพักที่ไหนราคาถูกเท่านี้เลย ที่นี่มีห้องน้ำในตัว มีน้ำอุ่นให้แต่ไม่มีแอร์นะคะ มีแต่พัดลม ตอนที่ไปอากาศเย็นมากในตอนเช้าและกลางคืนก็ไม่ต้องการแอร์อยู่แล้ว ในโรงแรมมีมุมน่ารักๆเยอะ ตามฝาผนังก็มีดีเทลน่ารักๆแบบแขก ทำเลดี แพนเค้กอร่อยมาก เทียบกับราคาแล้ว เรียกว่าคุ้มแสนคุ้ม มิน่าล่ะพวกฝรั่งถึงรีวิวให้ที่นี่กันแบบล้นหลาม

We are proudly present the hotel where we stayed in Pushkar, Rising Star Hotel. It costs just 300THB/night! The cheapest hotel we’ve ever stayed! The hotel has no air-con but you won’t need it because the weather is cool in the morning and at night. It’s lovely decorated and well located. Plus, pancakes are great! No wonder why it’s rated excellent on many websites.

สรุปว่าทริปนี้แฮ๊ปปี้มากๆ มาเที่ยวชัยปุระและเมืองใกล้เคียง ได้ประสบการณ์แปลกๆใหม่ๆหลายอย่าง สนุก แล้วก็เที่ยวง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ใครอ่านรีวิวแล้วรู้สึกว่าอยากจะไปสัมผัสประสบการณ์แบบนี้มั่งละก็ตามรอยกันได้ มีคำถามอะไร Inboxมาถามโลด ถ้าใจพร้อมแล้วล่ะก็ เลือกวันเดินทาง จองตั๋วกับแอร์เอเชีย Whatsapp จองรถกับคนขับตามเบอร์ที่ให้มา จองโรงแรม และทำวีซ่าออนไลน์ได้เลย แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ ทริปอินเดียรออยู่นะทุกคนนน : )

Our 7-day trip in India this time is another memorable trip full of experience. If you want to follow our trip, just pick the date, book tickets with AirAsia. Jaipur awaits you!  

bottom of page