top of page

กาญจนบุรี

 

ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะโคลเพื่อนเกาหลีแมสเซจว่าจะมาเมืองไทย ตอนอยู่เกาหลีเค้าดูแลเราอย่างดี พาไปโน่นพาไปนี่ คราวนี้เราก็ไม่พลาดที่จะทำให้เค้าประทับใจกับเมืองไทยบ้างเหมือนกัน : )  โจทย์คือ หาที่ๆไม่ไกลกรุงเทพมากจนเกินไป ที่ๆเราสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจ ได้เห็นวิวและดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างเต็มที่และมีกิจกรรมสนุกๆทำในระยะเวลาสองคืน

ในที่สุดก็หาเจอ กาญจนบุรีคือคำตอบ!! เย๊ พาโคลไปกระโดดน้ำล่องแพที่กาญดีกว่า

 

พอสรุปกับตาลได้ก็หาข้อมูลอยู่พักใหญ่ๆ จริงๆที่พักที่นี่มีเยอะมาก เลือกแทบไม่ถูก แต่พอดูจากรูปและรีวิวแล้ว ชอบที่ Riverkwai Jungle Raft มากที่สุด เลยตัดสินใจเลือกที่นี่ ราคาห้องพักสำหรับ 3 คนอยู่ที่ 5900 บาทต่อคืน  จะมีเตียงคู่ 1เตียง เตียงเดี่ยว1เตียง ที่สำคัญที่นี่จะไม่มี Wifi ไม่มีไฟทั้งกลางวันและกลางคืน ฮ่าๆ ต้องสนุกแน่เลย

 

 

 

เราออกจากกรุงเทพประมาณ 10โมงนิดๆ กว่าจะขับไปถึงจังหวัดกาญใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากตัวเมืองกาญไปท่าเรือ ใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เบ็ดเสร็จจากกรุงเทพมาก็ประมาณ 3 ชั่วโมงพอดี

 

พอถึงท่าเรือแล้ว เราก็จอดรถทิ้งไว้และรอขึ้นเรือเพื่อที่จะพาเราไปรีสอร์ท (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) มีคนมาซัก 4 -5 คนเรือก็ออกละ เป็นเรือหางยาว พอเรือแล่นเท่านั้นแหละ พวกเราหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะก๊ากเลย เรือขับซิ่งมาก น้ำก็กระเด็นใส่หนักมาก ตัวงี้เปียกไปหมด เราเพลิดเพลินกับการชมวิวสองข้างทางไปเรื่อยๆไม่นานก็ถึงรีสอร์ท ใช้เวลาบนเรือประมาณครึ่งชั่วโมง

พอไปถึงพวกเรายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตื่นเต้นกับแพริมน้ำ พนักงานก็กุลีกุจอกันมาต้อนรับตั้งแต่ยังไม่ลงเรือ คอยช่วยยกกระเป๋าพร้อมพาไปยังห้องพัก  ห้องที่นี่ถูกตกแต่งขึ้นมาแบบเรียบง่าย แต่ดูน่ารัก ฝาผนังทำจากไม้ที่เอามาสานๆกัน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในกระต๊อบเล็กๆ ด้านหน้าห้องจะมีระเบียงแพและเปลยวน สามารถออกมานอนเล่น นั่งเล่น ชมวิวภูเขาและแม่น้ำแควได้ บรรยากาศดีมาก ที่นี่มีห้องน้ำในตัว จะอยู่ด้านในสุดของห้อง ระเบียงด้านหลังก็มีเปลให้นอนชมวิวอีกเหมือนกัน ชิวได้ทุกมุมจริงๆ

 

พอเก็บของและเดินสำรวจเรียบร้อย ท้องก็ร้องพอดี เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย นอกจากข้าวเหนียวหมูปิ้งที่รองท้องมาในรถ เรากับโคลสั่งข้าวกระเพราะหมูไข่ดาว ตักเข้าปากคำแรกนี่ อื้อหืออ รสชาติกลมกล่อม เวลาหิวๆแล้วได้กินของอร่อย มันจะยิ้มไม่หุบแบบนี้นี่เอง : )

หลังจากท้องอิ่มก็ได้เวลาไปนอนเล่น นั่งเล่นตามอัธยาศัย เนื่องจากที่นี่อยู่ลึกเข้ามากลางภูเขา สัญญานอินเตอร์เนตถึงบ้างไม่ถึงบ้าง ก็เลยปิดมือถือแล้วเก็บไว้ในกระเป๋าซะเลย เป็นช่วงเวลาที่ได้พักผ่อนจริงจัง อยู่กับภูเขาและสายน้ำ นั่งเอาเท้าแช่น้ำเล่นสบายใจจริงๆ เวลาแบบนี้ทำให้นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาเลย “เมื่อเธอทุกข์ใจ ให้ลองเอาเท้าจุ่มน้ำ ปล่อยความทุกข์ลอยไปกับทะเลและฟ้าสีคราม จากวันนั้น ฉันและเธอ จุดเริ่มต้นความรัก นั้นล้วนมาจากใจ อาจไม่มีเหตุผลแต่ฉันรู้ว่ามันใช่” ♩ ♪ ♫ ♬ ♭

 

แดดเริ่มคล้อย ลมเย็นๆกับเสียงน้ำในแม่น้ำทำให้เคลิ้มเกือบจะผลอยหลับไป แล้วก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง “ตู้มมม” จากที่นอนอยู่ริมน้ำรีบลุกขึ้นนั่ง หาต้นตอของเสียง แล้วก็หันไปเจอครอบครัวที่อยู่แพข้างๆใส่ชูชีพกระโดดเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน  มองจากตรงนี้ น้ำในแม่น้ำดูไหลเชี่ยว แม่น้ำก็กว้าง อยากโดดก็อยากนะ แต่แอบกลัว ตาล โคล เอาไงดีโดดน้ำกันมั๊ย 55555 หลังจากคุยกันแล้วก็ได้ข้อสรุปว่า ไหนๆมาแล้วต้องโดดซี่ จะพลาดได้ไง เย็นพรุ่งนี้เราเจอกันแม่น้ำแคว ^^

ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว แต่ที่นี่กลับสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากตะเกียง ตอนกลางคืนที่นี่ก็สวยโรแมนติกไปอีกแบบ มารู้ตัวอีกทีพวกเราก็มานั่งอยู่ที่แพอาหารเรียบร้อย เสียงเคาะไม้ไผ่กลางเรือนแพริมน้ำที่เงียบสงัด ตามด้วยเสียงตะโกนของพนักงานดังก้องกังวานไปทั่วแพ Dinnerrr~  ได้เวลาอาหารเย็นแล้วสินะ อาหารหน้าตาน่าทานทยอยมาเรียงกันที่โต๊ะ มีกับข้าวทั้งหมด 4 อย่าง หมดก็เติมได้อีก มื้อนี้ทุกคนเจริญอาหาร อิ่มจนพุงกางเลย

หลังจากมื้อเย็นเราก็เดินมานั่งเล่นที่ริมแพหน้าห้องพัก เพราะยังไม่อยากเข้าไปนอนตอนที่ท้องยังอิ่มๆ  ตกกลางคืนอากาศเริ่มหนาว หนาวจนต้องไปหยิบเสื้อแขนยาวมาใส่อีกชั้น ปกติอยู่กรุงเทพตอนนี้คงอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และกดดูโทรศัพท์ เล่นลาย เล่นเฟส แต่ตอนนี้ เวลานี้ ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรทุกชนิด  มีแต่ลมเย็นๆ เสียงน้ำในแม่น้ำ แสงไฟจากตะเกียงและแสงดาวนับพันๆดวงบนท้องฟ้า หลังจากนอนชมวิวดวงดาวจนเพลินใจแล้ว ก็ได้เวลาเข้านอน อากาศเย็นสบาย พวกเราหลับไปอย่างมีความสุข

เช้าวันที่สอง เรากับตาลตื่นเช้าตามปกติเหมือนทุกทีเวลามาเที่ยว ส่วนโคลเพื่อนเกาหลีบอกตั้งแต่เมื่อคืนว่า ตื่นตามสบายเลยนะ ฉันขอนอนต่อ เจอกัน 8 โมงเช้าที่แพอาหาร ฮ่าๆๆ ชอบโคลตรงนี้ นางเป็นคนตรง น่ารัก

ในระหว่างที่กำลังจะเดินออกจากห้องพัก มองจากระเบียงหลังห้อง กรี๊ดดด ช้างตัวใหญ่มากเลย กำลังเดินมาทางนี้ด้วย

ไปดูใกล้ๆกันดีกว่า เรากับตาลรีบวิ่งออกไปตรงสะพาน ทางเชื่อมที่จะเข้าไปหมู่บ้านมอญ เจ้าช้างตัวใหญ่เดินมาหยุดอยู่ริมสะพาน ให้แขกที่มาพักได้สัมผัส และป้อนอาหารอย่างใกล้ชิด สนุกจัง

 

หลังจากเล่นกับช้างเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาอาหารเช้า เป็นเช้าที่สดชื่นมากจริงๆ เวลาที่ลมเย็นๆพัดมากระทบกับกระบอกไม้ไผ่ที่ห้อยอยู่เหนือเรือนแพพร้อมๆกัน เสียงมันดังก้องไปทั่วคุ้งน้ำ ฟังแล้วสบายใจอย่างบอกไม่ถูก หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อย กิจกรรมวันนี้เราจะเดินเข้าป่าไผ่ไปยังหมู่บ้านมอญ ระหว่างทางข้ามสะพานเล็กสะพานน้อย ได้เห็นต้นไผ่ยักษ์พันธ์แปลกๆเต็มไปหมด บางต้นมีหนามแหลมๆด้วย เวลาเดินต้องระวัง ผ่านมุมโน้นมุมนี้ก็แวะถ่ายรูปเล่น และแล้วเราก็มาถึงถ้ำพระมอญ ชาวบ้านแถวนั้นบอกพระที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก เราเลยได้กราบขอพรท่านเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วยวิวจากตรงนี้มองลงไปเห็นแพจากมุมสูง ที่นี่ทำเลดีจริงๆแพหลังเล็กๆแอบอยู่ใจกลางภูเขาเรียงกันสวยงาม

หลังจากนั้นก็เดินต่อไปเจอกับโรงเรียนเล็กๆ มีเด็กๆชาวมอญนั่งเรียนภาษาไทยกันอยู่ ปะแป้งที่หน้ากันหมดเลย ฮ่าๆ น่ารัก เด็กๆตั้งใจเรียนกันน่าดู คุณครูที่สอนอยู่บอกว่าวันนี้เด็กมาเรียนไม่เยอะเพราะบางส่วนไปเข้าค่าย  ถัดไปไม่ไกลจากโรงเรียนเราก็เจอเจ้าช้างตัวเดิมอีกแล้ว ตรงนี้เป็นซุ้มสำหรับให้นักท่องเที่ยวมาขี่ช้างเล่น ถ้าเราไม่อยากขี่ก็สามารถซื้ออาหารให้ช้างก็ได้ ตาลเหลือบไปเห็นฟักลูกเบ้อเริ่ม คนแถวนั้นบอกช้างก็ชอบกิน ก็เลยซื้อให้ ยังไม่ทันจะป้อน เจ้าช้างตัวนี้ เอางวงมาคว้าไปกินเองอย่างเอร็ดอร่อย โปรดสังเกตุท่าตาล แบบว่ายังไม่ทันจะตั้ง

ตัว ฮ่าๆๆ ตลกชะมัด เดินแถวนี้จนทั่วก็ถึงเวลาที่ชื่นชอบที่สุดอีกแล้ว เวลาทานข้าวนั่นเอง เดินมาตั้งแต่เช้า เวลาผ่านไปเร็วมาก เที่ยงแล้ว พวกเรารีบเดินกลับไปที่แพเพื่อทานอาหารกลางวัน 

 

หลังจากมื้อกลางวันก็ได้เวลาพักผ่อนนั่งชิว เดินผ่านห้องอื่นๆ เห็นแขกที่มาพักบางคนก็นอนอ่านหนังสือ นอนฟังเพลง บางคนก็นั่งจิบเบียร์นั่งคุยกันริมแม่น้ำ ทุกคนดู slow lifeกันlevel สูงสุด  โคลลงไปนอนบนเปลยวนหน้าห้องอย่างสบายใจ เรากับตาลก็ได้ใช้ช่วงเวลานี้ นั่งคุยกันเรื่องงาน วางแผนเรื่องโน้นเรื่องนี้ ฟังเพลงไปด้วย สุขดีจริงๆ พอแดดเริ่มอ่อน ก็ใกล้ถึงเวลาที่เราจะกระโดดน้ำเล่นแล้วสินะ วันนี้ชวนกับนุ้ยและแฟน เพื่อนใหม่คนไทยที่พักห้องใกล้ๆกันมากระโดดเป็นเพื่อนด้วย อยู่หลายๆคนอุ่นใจดี 555 

ปกติตาลกลัวน้ำ แต่คราวนี้นางเก่งมากใส่ชูชีพคนแรก โดดลงน้ำแอ๊คท่านกกระเรียนให้เราถ่ายรูปด้วย เรากับโคลก็รีบโดดลงไปติดๆ ความรู้สึกแรกที่โดดลงไปในน้ำคือ.... เย็นจังเลยยยย ฮ่าๆๆ มันสนุกมาก ครั้งแรกในชีวิตเลยนะเนี่ยที่ได้เล่นน้ำในแม่น้ำ น้ำเย็นเจี๊ยบ และไหลแรงมาก แรงจนเราแทบไม่ต้องออกแรงว่ายตัวก็ปลิวไปกับน้ำเลย สนุกและสดชื่นจริงๆ สิ่งที่ต้องระวังก็คือพยายามพยุงตัวในน้ำ ตีขาเอาไว้ไม่ไห้ตัวลอยออกไปไกล เดี๋ยวจะขึ้นฝั่งไม่ได้ โดดกันสองสามเที่ยวก็แทบจะหมดแรง หลังจากนั้นพวกเราก็ทยอยกันไปอาบน้ำ อาบเสร็จก็รอให้ผมแห้งแบบธรรมชาติ เพราะไม่มีไฟฟ้า ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ รู้สึกแปลกแต่ก็สนุกไปอีกแบบ

ระหว่างที่รออาหารเย็น ไม่มีอะไรทำก็เลยไปเดินสำรวจตัั้งแต่หัวแพยันท้ายแพ ถ่ายรูปเล่นกันฆ่าเวลา แล้วก็หิวอีก!! สันนิษฐานว่าความหิวเกิดจากการที่โดดน้ำ ว่ายน้ำเล่นแน่ๆ เลยสั่งสลัดทูน่า เฟร้นฟรายและเบียร์เย็นๆมากินเล่นแก้หิวก่อนที่จะถึงเวลาอาหารเย็นอีกรอบ 

วันนี้พวกเราตั้งหน้าตั้งตาฟังพนักงานตะโกนว่า dinnerr~ ก่อนที่จะลงมือทานอาหารมื้อเย็นมื้อสุดท้ายที่แพนี้อย่างเอร็ดอร่อย หลังจากที่ทานเสร็จ เราไปนั่งเล่นริมน้ำให้อาหารย่อย นั่งดื่มด่ำธรรมชาติกับแสงดาวระยิบระยับ เอาเท้าจุ่มไปในแม่น้ำแคว นั่งชาร์ตพลัง และปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับความสุขสงบ  ก่อนที่จะเข้านอนท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ ตื่นเช้ามาก็ได้เวลากลับกรุงเทพแล้ว ช่วงเวลาอันแสนสุขมันช่างสั้นจริงๆ แต่อย่างน้อยก็ได้มาเนอะ ถ้าใครอยากหาที่มาพักผ่อนชิวๆ แบบไม่ไกลมาก อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ขอให้นึกถึงที่นี่ค่ะ River Kwai Jungle Rafts กาญจนบุรี 

ติดต่อ 081-7340667 info@riverkwaijunglerafts.com

 

bottom of page