top of page

Living Land Diary

จุดประสงค์หลักที่วางแผนพาครอบครัวมาที่นี่ ก็คืออยากให้พ่อกับแม่ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ถ้าทุกคนในครอบครัวได้ลองทำนาเกี่ยวข้าวด้วยกันก็คงสนุกดี พอมาถึงที่นี่จริงๆก็รู้สึกว่ามีอะไรมากกว่าที่คิดไว้เยอะมาก และคิดถูกมากที่ตัดสินใจพาครอบครัวมาที่นี่ เดี๋ยวจะเล่าแบบสรุปให้ฟังนะคะ

 

Living Land Luang Prabang

  • ที่นี่เป็นที่ๆชาวนาที่หลวงพระบางก่อตั้งขึ้นไว้สาธิตวิธีการทำนาแบบเริ่มตั้งแต่กระบวนการแรก โดยที่เราสามารถลองลงมือทำจริงๆทุกขั้นตอน(มีทั้งหมด 14 ขั้นตอน​)ไม่ว่าจะเป็นการไถนา ปักข้าว เกี่ยวข้าว เราจะเห็นเลยว่าจะได้ข้าวมาต้องผ่านขั้นตอนยากลำบากแค่ไหน ทุกคน Enjoy สนุกสนานที่ได้ทดลองทำนา ได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับข้าวที่ไม่เคยรู้มาก่อน ใช้เวลาแค่ครึ่งวันแค่ได้ความรู้ใหม่ๆกลับมาเพียบ

  • ราคาค่าเข้า 3แสนกีบต่อคน ตกเป็นเงินบาทก็ประมาณ 1,300 บาท มีรถมารับที่โรงแรม 8 โมงเช้า เสร็จเที่ยง รถก็มาส่งที่โรงแรม อยู่ไม่ไกลจากในเมืองเท่าไหร่ น่าจะประมาณ 15 นาที รายได้ส่วนนึงนอกจากจะไว้พัฒนาที่นี่แล้ว เค้าก็ยังเอาไปเป็นทุนการศึกษาให้เด็กๆลูกหลานชาวนาให้ได้เรียนสูงๆ และเอาความรู้กลับมาพัฒนาบ้านเกิดของตัวเอง มาสอนเด็กคนอื่นๆต่อ Business Model ของเค้าทำได้น่ารักมากๆ อยากสนับสนุนเลย ความสุขที่ได้จากที่นี่เยอะจริงๆ ด้วยความที่เราเป็นคนกรุง ใช้ชีวิตในเมือง วันๆก็เจอแต่ตึก ถนน พอได้มาลองจูงควาย ได้ทำนา ได้ลงไปย่ำโคลน อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติแบบนี้เหมือนได้ดีท็อกจิตใจ แล้วช่วงนี้ที่หลวงพระบางก็อากาศเย็นกำลังดี  ได้มาสูดหายใจอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด สดชื่น ดีต่อใจจริงๆ 

"ทุกคนมาถ่ายรูปหมู่กันค่า" เราตะโกนบอกครอบครัว พร้อมทั้งกางขาตั้งกล้องและเตรียมรีโมท "ถ่ายธรรมดาไม่หนุกอ่า ทุกคนกระโดดได้มั๊ย พ่อกับแม่โดดไหวมั๊ย หนูขอโดดพร้อมกันทีนึงนะ นึง ส่อง ซั่ม โดด!!" นี่คือที่มาของภาพแรกค่ะ

 

ส่วนภาพที่ 2 "อ่ะๆ คราวนี้ขอถ่ายแนวฮิปเตอร์มั่งนะ ทุกคนหันหลังค่า แชะ!" พอมาดูรูปที่กล้อง เสียงหัวเราะกร๊ากก็ดังขึ้นมาพร้อมกัน daddyyy หนูบอกให้หันหลัง ทำไมพ่อถึงหันข้างอยู่คนเดียวอ่ะคะ 55555555

มันเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่มีความสุขที่สุดในโลกเลย พ่อ แม่ น้องสาว น้องชาย ทุกคนในครอบครัวที่เรารัก ได้มีความสุขอยู่ตรงนี้ด้วยกัน : )

  • ที่นี่นอกจากจะมีนาข้าวแล้ว ยังมีแปลงผักออแกนิคสดๆด้วย พอเสร็จสิ้นกระบวนการทำนาทุกขั้นตอนแล้ว ก็จะได้ดูชาวนาสานตะกร้า สานหวาย ได้ไปเดินชมแปลงผัก เด็ดผักสดๆมานั่งกินกัน ข้าวทอดที่เค้าเตรียมไว้ให้ สดและอร่อยกรุบกริบมาก น้ำอ้อนที่คั้นเองจากเครื่องคั้นอ้อยโบราณก็หวานชื่นใจ

  • MR. Lee คือชาวนาที่เท่ที่สุดตั้งแต่เคยเจอมา โชคดีที่กรุ๊ปเราได้เค้าเป็นคนดูแล ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจพาพ่อแม่มาที่นี่ ก็แอบไปดูรีวิวมาก่อนแล้วว่าคนเค้าพูดถึงที่นี่ยังไงบ้าง ปรากฏว่าทุกคนปลื้มทุกๆอย่างของที่นี่และชม Mr. Lee กันทุกคน พอได้มาเจอตัวจริงก็เข้าใจละ ว่าเพราะอะไร เวลาเค้าพูดเราจะรับรู้ได้ถึงความจริงใจ ผ่านทางสายตาและรอยยิ้ม เค้าเป็นชาวนาที่ขี้เล่น มีมุขตลก อารมณ์ดี พูดได้ทั้งภาษาไทย ภาษาลาว ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศษ เท่มากจริงๆ ประทับใจค่ะ : )

สรุปว่าที่นี่คือแหล่งพลังงานชั้นดี ให้เราได้มาเรียนรู้ ได้รู้จักโลกของชาวนา ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ได้เรียนรู้ว่าเวลาที่อยู่กับธรรมชาติแล้วมันมีความสุขยังไง ที่ฟินที่สุดก็คือการได้เห็นพ่อกับแม่จูงมือกันบนท้องนา เห็นเค้ามีความสุข เห็นรอยยิ้ม เห็นเค้าหัวเราะ มันเป็นความรู้สึกดีแบบที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้เลยจริงๆ 

แล้วภาพนี้ก็จะอยู่ในใจลูกๆไปอีกนานแสนนาน 55555 ที่เล่าเรื่องราวทั้งหมดมานี้ ส่วนนึงก็อยากให้แฟนเพจได้เห็นว่า การมาเที่ยวกับพ่อแม่กับครอบครัว มันก็ทำให้เรามีความสุขได้มากเหมือนกันนะ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเที่ยวแค่กับเพื่อนหรือแฟน ชีวิตมันสั้น พ่อแม่ก็เริ่มแก่แล้ว ไม่รู้ว่าเค้าจะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน ช่วงเวลานี้แหละมีโอกาสก็รีบพาเค้าไปเที่ยวบ่อยๆ อะไรก็ได้ที่ทำให้เค้ามีความสุข นี่คือเป้าหมายของเราเลย ปี2017 จะเริ่มไปเที่ยวกับครอบครัวให้มากขึ้นละ : )

ระหว่างที่เดินในทุ่ง จู่ๆชาวนาก็เอาลูกนกฮูกมาให้ดูบอกว่าเมื่อกี้มันตกน้ำก็เลยช่วยมันขึ้นมา พวกเราตื่นเต้นใหญ่ได้เห็นนกฮูกตัวเป็นๆครั้งแรก มีปลาตัวเล็กๆที่อยู่ในโคลนดีดตัวขึ้นมา ชาวนาก็จับมาให้ดูแล้วก็ปล่อยมันไป คือตื่นตาตื่นใจตลอดเวลาอยู่ที่นี่ ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ

ถ้าใครมาเที่ยวหลวงพระบางแล้วอยากลองประสบการณ์แปลกๆใหม่ๆ ใกล้ชิดธรรมชาติแบบนี้ล่ะก็ ติดต่อมาที่ Living Land Luangprabang ได้เลยที่ www.livinglandlao.com นะคะ ส่วนเรื่องราวที่กิน ที่เที่ยวต่างๆ และเรื่องน่ารู้ของหลวงพระบาง ทั้งรอบแรกและรอบสอง รวมกันไว้ในลิ้งค์ด้านล่างเรียบร้อยแล้ว ตามไปอ่านต่อได้เลย ขอบคุณที่ติดตามค่ะ : ) 

bottom of page