top of page

Seven Stars in Kyushu

ชีวิตหรูบนรถไฟ7ดาว 

 

พูดเลยว่าทริปนี้เป็นทริปที่ตื่นเต้นสุด ดีงามสุด เก๋สุดตั้งแต่เคยเที่ยวมา!

การได้ใช้ชีวิตบนรถไฟสวยหรูแบบนี้ เที่ยวและชมวิวสองข้างทางไปเรื่อยๆ นอนบนรถไฟ ทานอาหารรสเลิศทุกมื้อ แต่งตัวสวยๆนั่งจิบชาตอนบ่าย รถไฟวิ่งผ่านไปทางไหนก็มีแต่คนตื่นเต้นโบกไม้โบกมือให้ตลอดทาง โอ๊ยยย ชีวิตดีไปมั๊ย ใครก็ได้มาหยิกที นี่ฝันไปรึเปล่าอีกนิดนึงจะเผลอมโนว่าเป็นเจ้าหญิงแล้วเนี่ย 5555

 

ขอบคุณ World Surprise Travel ที่ทำให้ช่วงเวลา 2วัน 1คืนบนรถไฟ 7 Stars ที่คิวชู ประเทศญี่ปุ่น เป็นช่วงเวลาที่เว่อร์วังอลังการและน่าจดจำครั้งนึงในชีวิต มันสุดยอดมากจริงๆ ซักครั้งในชีวิตนี้ต้องมาลองให้ได้นะคะทุกคน! จะบอกว่าแม้กระทั่งคนญี่ปุ่นเองเองยังต้องรอคิว จับฉลากแล้วจับฉลากอีก รอเวลาที่จะได้มีโอกาสนั่งรถไฟขบวนนี้ อารมณ์ประมาณว่ามีเงินก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาได้นะ ต้องมีโชคด้วย เพราะในรถไฟมีไม่กี่ห้องแต่ความต้องการของคนที่จะมาสูงมาก เค้าเลยต้องจองกันข้ามปี แต่World Surprise Travel จัดให้ได้แบบไม่ต้องลุ้น มันเลิศตรงนี้! ถ้าใครสนใจอย่าลังเล รีบจองเลยค่ะ

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ FB @worldsurprisetravel

www.worldsurprise.com 02-634-8877 LINE https://line.me/R/ti/p/%40vyy4480u

Once in a lifetime on 7 Stars Cruise Train in Kyushu

 

I’d always dreamt of traveling on a train, sitting back, enjoying the views along the journey. Thank you, World Surprise Travel who made my dream, came true. This journey is one of the most memorable time of my life. The two days on the train was truly special and filled with happiness. The picture of people smiles and wave enthusiastically wherever the train passes bring a smile to my face every time I see them. It’s such an indescribable happiness I’ve ever experienced from a trip. 

แค่มองจากด้านนอกก็รู้แล้วว่ารถไฟขบวนนี้ไม่ธรรมดา เรียบ หรู คลาสสิค สมกับที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวคิวชู พอรถไฟเริ่มเคลื่อนขบวนผู้คนที่สถานีก็ยิ้มทักทาย โบกไม้โบกมือให้คนบนรถไฟกันใหญ่ คนบนรถไฟก็โบกไม้โบกมือกลับไป ขับผ่านอพาร์ทเม้นท์ คุณป้ากำลังตากผ้าอยู่ตรงระเบียง พอป้าหันมาเห็นรถไฟ 7 stars ก็ยิ้มและกระโดดโบกมือให้ไม่หยุด มันเป็นโมเม้นที่น่ารักและน่าประทับใจที่มากๆๆ เป็นแบบนี้ตลอดเส้นทางเลยจริงๆ

From the outside, anyone can tell that this train is something extraordinary.  The exterior design is elegant, classy, and outstanding. The 7 Stars Cruise Train is the pride of Kyushu. As the train departed from the station, crowds of people along the platform waved to us joyously and people on the train waved back. I remember when the train passed an apartment, an old lady who was hanging out her clothes stopped what she was doing when she saw the 7 Stars train then smiled and waved until the train was out of her sight. The people of Kyushu make you feel welcomed and special. 

ข้างในรถไฟตกแต่งอย่างหรูหราอลังการมาก ประณีตในทุกๆรายละเอียด ดูได้จากไม้อย่างดีที่บรรจงแกะสลักเป็นลวดลายสวยงาม

 

Materials used throughout the train are of the highest quality. Everything was exquisitely designed and created by talented Kyushu craftsmen. 

รถไฟ 7 Starsจะมีทั้งหมด 7โบกี้ แต่ละโบกี้จะมีประตูกระจกกั้นเอาไว้ พอเราเดินไปใกล้ๆ ประตูนี้ก็จะเลื่อนเปิดเองโดยอัตโนมัติ โคดเท่ เหมือนอยู่ในโลกแห่งอนาคต มิน่าตอนอยู่บนรถไฟ เราขยันเดินไปเดินมาจริงๆ สงสัยจะชอบตอนกระจกเลื่อนเปิด 5555

 

The engraved glass carriage doors will open automatically when you walk from one carriage to another.  Niceee!

พามาดูห้องนอนกันมั่ง ห้องนอนที่นอนเป็นห้อง Suit ธรรมดา คนออกแบบเค้าเก่งมากนะ ออกแบบการใช้งานในพื้นที่เล็กๆได้ดีเยี่ยมเลย เปิดประตูเข้ามาจะเจอโต๊ะนั่งทำงานอยู่ด้านหน้า โซฟาที่ปรับเป็นเตียงได้อยู่ด้านซ้าย ส่วนด้านขวาเป็นตู้เสื้อผ้า ที่เก็บกระเป๋าเดินทาง และถัดไปก็เป็นห้องน้ำ ใต้โต๊ะจะมีตู้เย็นเล็กๆ มีเบียร์มีเครื่องดื่มเตรียมไว้ให้พร้อม

 

Now let’s see the bedroom. The standard suite is compactly designed yet elegant and comfortable. The twin beds are sofas during the day, a desk on one side of the wall and closet on the other side, then ensuite shower room.Mini fridge under the desk filled with cool drinks.

ภายในห้องนอนเรียบร้อย สะอาด สวยงาม ใช้งานได้พอดิบพอดี ทุกอย่างดูเนี๊ยบ เฮ้อออออ เห็นแบบนี้แล้วก็ขอถอนหายใจออกมาดังๆอย่างมีความสุข มันดีจังเล้ยยย ชีวิตบนรถไฟกำลังจะเริ่มต้นแล้วสินะ : )

Everything is beautiful and neat. Ahhhhh, I couldn’t be happier!

ในห้องน้ำก็เลิศไปแพ้ในห้องนอน อ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ต่างๆ ห้องอาบน้ำ สวยงามเหมือนอยู่ในโรงแรมไม่มีผิด มีอุปกรณ์แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ครีมต่างๆให้พร้อมอยู่ในกล่องสวยงาม หลังจากที่ชื่นชมความสวยงามในห้องนอน นั่งพักนอกหน้าต่างและกินขนมที่เค้าวางไว้ให้แล้ว ก็ได้เวลาออกไปสำรวจโบกี้อื่นๆมั่งว่าเป็นยังไง

 

The ensuite shower room is as beautiful as the bedroom and very well appointed. Bathroom amenities in a nice box.Now it’s time to explore other cars. 

รถไฟขบวนนี้มีทั้งหมด 7 โบกี้ มี 2 โบกี้ที่ไม่ใช่โบกี้นอน จากห้องนอนเดินมาเรื่อยๆเราจะเจอโบกี้ที่ชื่อว่า Jupiter ตรงนี้เป็นโบกี้สำหรับนั่งทานอาหารเย็น จะมีโซนที่พ่อครัวยืนเตรียมอาหารอร่อยๆให้เรา ระหว่างทางที่เดินสำรวจ เราก็สังเกตุว่าบนรถไฟนี้กิมมิคคือรูปดาว อะไรๆก็จะมีสัญลักษณ์ดาวซ่อนอยู่ คนชื่อดาวแบบเราก็จะฟินมาก : ))

 

Chefs are preparing dinner at the “Jupiter” dining car.As if it was destiny, my name is Dao which means star. I noticed lots of star symbols on the train. 

ขบวนสุดท้ายชื่อว่า Bluemoon เป็นที่ๆเรามาบ่อยสุด ขบวนนี้จะมองเห็นวิวด้านนอกได้จากกระจกใสๆท้ายขบวน เป็นมุมที่มานั่งชมวิว จิบชา ทานอาหารเช้า ตอนกลางคืนก็มีโชว์เพลงบรรเลงเพราะๆจากนักเปียโน และนักไวโอลิน มีนักมายากลมาเล่นกลสนุกๆสร้างความเพลิดเพลินตามโต๊ะต่างๆ

The Blue moon lounge car was where I usually came to chill out during the day. I loved that the entire rear wall is a glass window offering panoramic views from the back of the train. Here, everyone can enjoy live musical performances and other entertainment in the evening with a drink from the bar. 

หลังจากนั้นก็ได้เวลาอาหารกลางวัน เราออกไปนั่งที่โบกี้ Bluemoon ซักพัก อาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ แต่ละคำที่ทานเข้าไปอร่อยแบบน้ำตาจะไหล ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าอาหารที่เค้าจัดให้คัดสรรมากจากวัตถุดิบชั้นเลิศ แม้กระทั่งมะเขือเทศยังหอมหวานชื่นใจแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แค่มื้อแรกก็อิ่มอร่อยและประทับใจมากๆแล้ว

Lunch is served at the Blue moon bar. The food was so delicious I kept saying wow every time I tasted another bite. Even tomatoes tasted like no other!

หลังจากที่ทานอาหารอิ่ม ซักพักรถไฟก็จอดที่ Arita Station ถึงเวลาไปทัวร์แล้วล่ะ เดินออกไปจากสถานีซักพักก็จะเห็นรถบัสของ 7 stars ที่จอดรออยู่แล้ว เห็นทะเบียนเบอร์7 ก็รู้แล้วว่าพิถีพิถันขนาดไหน รถคนนี้จะพาเราไปยังหมู่บ้านที่ทำเครื่องปั้นดินเผา Gen-emon kiln ค่ะ ตื่นเต้นที่จะได้ไปดูบรรยากาศการใช้ชีวิตของผู้คนที่คิวชูจริงๆ

After lunch, then time for a sightseeing. The No. 7 bus was waiting for us at the station and will take us to a small town and a pottery museum. 

บ้านแถบนั้นน่ารักมากๆ ทำเครื่องปั้นดินเผากันเกือบทุกหลัง มีเซรามิคน่ารักๆขายเต็มไปหมด ได้เห็นขั้นตอนต่างๆในการทำถ้วยชามสวยๆตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกอย่างต้องใช้ฝีมือและความตั้งใจและอดทนรอกว่าจะเข้าเตาเผาได้ที่ กว่าจะได้ถ้วยชามสวยๆแต่ละใบไม่ง่ายเลย เข้าใจแล้วว่าทำไมงานฝีมือถึงมีราคาสูงกว่าปกติ

It’s interesting to see how they make potteries. Their traditional skills are really admirable. 

หลังจากนั้นก็ได้เวลากลับมาอยู่บนรถไฟอีกแล้ว คราวนี้เราได้ไปสำรวจ 2 ห้องที่เลิศสุดบนรถไฟ ซึ่งก็คือห้อง Deluxe Suits ที่แสนจะหรูหรา เริ่มจากห้อง 702 ก่อนเลย ที่แตกต่างจากห้องปกติคือพื้นที่กว้างขวางขึ้น มีมุมโซฟา และมีมุมเตียงนอนเป็นสัดเป็นส่วน

Back to the 7 Stars train. We got a chance to see the Deluxe Suites, room 701 and 702. Both are beautifully appointed and more spacious than standard suites. 

หลังจากนั้นก็ได้เวลากลับมาอยู่บนรถไฟอีกแล้ว คราวนี้เราได้ไปสำรวจ 2 ห้องที่เลิศสุดบนรถไฟ ซึ่งก็คือห้อง Deluxe Suits ที่แสนจะหรูหรา เริ่มจากห้อง 702 ก่อนเลย ที่แตกต่างจากห้องปกติคือพื้นที่กว้างขวางขึ้น มีมุมโซฟา และมีมุมเตียงนอนเป็นสัดเป็นส่วน

Back to the 7 Stars train. We got a chance to see the Deluxe Suites, room 701 and 702. Both are beautifully appointed and more spacious than standard suites. 

ส่วนห้อง 701 เป็นห้องที่เลิศที่สุด เพราะห้องนี้นอกจากกว้างขวางแล้ว ยังมีกระจกใสบานใหญ่ท้ายขบวนให้มองวิวนอกรถไฟได้เต็มๆ อยู่ห้องนี้เพลินมาก แฮ๊ปปี้มาก การที่รถไฟกำลังวิ่งอยู่แล้วได้เห็นวิวสองข้างทางแบบนี้มันเพลินตาเพลินใจ ไม่รู้สึกเบื่อเลยอะ

Here’s the 701, the rearmost and largest suites where guests can enjoy the views from the huge glass window stretching across the carriage.  

เผลอแป๊ปเดียวได้เวลาอาหารเย็นอีกแล้ว ที่นี่เค้ามี Dress code ด้วยนะคะ ไม่อนุญาติให้ใส่ยีนส์หรือรองเท้าแตะ ให้แต่งตัวสวยจะได้เข้ากับบรรยากาศหรูๆบนรถไฟ รอยสักนี้อยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้วตั้งแต่สมัยตอนเรียนที่อยู่ซิดนี่ย์ เป็นรูปดาว7 ดวงพอดี เรามักจะเรียกมันว่าดาวนำโชคเสมอ บางทีก็สงสัยนะว่าการที่ได้มารถไฟ 7 Stars Train มันอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็ได้ : )  #My7Luckystars

 

There’s a dress code for guests. Jeans and sandals are not allowed.I’ve got 7 Stars tattoo years ago when I studied in Australia. I usually called it my lucky 7 stars. May be, being on this luxury train is my destiny? 

บรรยากาศตอนพลบค่ำก็สวยไปอีกแบบ โคมไฟประดับที่อยู่ที่โต๊ะสะท้อนให้เห็นรูปดาวชัดเจนในเวลากลางคืน น่ารักจัง อาหารก็จัดเต็มมาเหมือนเคย ใช้วัตถุดิบอย่างงดี รสชาติกลมกล่อมอร่อยทุกจาน ที่เก๋คืออุปกรณ์ทุกอย่าง จาน ชาม ช้อน ส้อม ผ้าเช็ดปาก ก็ล้วนมีดาวติดอยู่ทั้งนั้น แม้กระทั่งเนยยังเป็นรูปดาวเลย

The crew said to me “Day time you see the sun. Night time you see the star.” Made with Kyushu finest ingredients, dinner was delectable as you would expect.  I love that everything here is all about stars; on the dishes, forks, spoons, napkins and even butter is star-shaped. 

4 ทุ่มเป็นเวลาของการชิลนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ฟังเพลงบรรเลงเพราะๆจากนักเปียโนและนักไวโอลิน สามารถขอเพลงได้ด้วยนะ ซักพักก็จะมีนักมายากลเดินมาเล่นกลกับแขกทีละโต๊ะ อยู่ตรงนี้มีความเพลิดเพลินระดับ 10 ตั้งแต่ก้าวขึ้นรถไฟมายังไม่หยุดมีความสุขเลย คืนนี้เป็นคืนที่พิเศษและน่าจดจำมากๆครั้งนึงในชีวิตที่ได้นอนบนรถไฟที่สวยและดีงามขนาดนี้ มันเหมือนกับฝันไป

 

Bar time starts at 10pm. at the Blue moon bar. The pianist and violinist performed songs requested by guests, and a magician came to entertain passengers from table to table. There hasn’t been a dull moment since I’ve been on the train. 

ตื่นเช้ามาด้วยความสดชื่น อาบน้ำ แปรงฟันเรียบร้อยก็ได้เวลาอาหารเช้า อาหารบนรถไฟไม่ทำให้ผิดหวังซักมื้อให้ตายเถอะ มันอร่อยมากจริงๆ T T คิดถึงความอร่อย

 

Woke up refreshed then headed for breakfast. Umm….I must say, every meal was divine. 

หลังจากที่ทานข้าวเช้าเสร็จ นั่งเล่นซักพักถึงสถานี Tamana ก็ได้เวลาลงไปยืดเส้นยืดสายอีกแล้ว วันนี้เราจะได้ไปดูร้านทำพัดโบราณ Kurikawa Shoten และไปดูการแสดงที่หาดูได้ยาก Larntern Dance ที่ Yachiyoza ร้านพัดได้สาธิตกรรมวิธีการทำพัดให้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วให้พัดพร้อมกับใส่ชื่อของแต่ละคนไว้ที่พัดให้เก็บเป็นที่ระลึกด้วย ดีจังเลย เราเก็บเอาไว้อย่างดี

The train took us to Tamana station then we were taken by the bus to visit Kurikawa Shoten, the traditional bamboo fan maker and watch the traditional lantern dance at Yachiyoza theatre.They showed the process of making bamboo fans and gave each of the guests a fan with his/her name on it as a souvenir. 

หลังจากนั้นก็เป็นเวลาอาหารกลางวัน มื้อนี้เราเปลี่ยนบรรยากาศทานอาหารกลางวันที่ร้านอร่อยๆนอกรถไฟ มื้อนี้เป็นอาหารฝรั่ง รสชาติอร่อยเหมือนเคย มีทั้งอาหารคาวหวาน เครื่องดื่มต่างๆก็เพียบ อิ่มทุกมื้อจริงๆ อร่อยขนาดนี้ยอมอ้วนเลย

 

We had lunch at a restaurant where they serve western cuisine. And again, the meal was so delectable. 

อย่างที่เค้าพูดกันว่า งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เวลาของความสุขก็เช่นกัน พอกลับมาถึงรถไฟนั่งเล่นอีกซักพักก็ได้เวลาต้องร่ำลากันแล้วสินะ ก่อนกลับเค้าก็จะมี Farewell Event ให้พวกเรานั่งดูรูปและคลิปวีดีโอตั้งแต่มาถึงวันแรก เอาจริงๆ อยู่แค่ 1 คืน2 วัน แต่รู้สึกเหมือนนานกว่านั้นมาก รู้สึกผูกพันแบบบอกไม่ถูก ความรู้สึกพวกนี้มันแปลกนะ มันอธิบายให้เข้าใจยาก มันต้องมาอยู่ตรงนี้เองถึงจะเข้าใจ ความน่ารักเอาใจใส่ของพนักงานทุกคน รอยยิ้ม มิตรไมตรี ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นและมีความสุขทุกนาทีที่อยู่บนรถไฟขบวนนี้

All good thing must come to an end. A little farewell event was held at the dining car. They converted the rear window into a screen and showed us videos and photos of the places we went and also photos of all the guests. How impressive! Although the trip was just a short time but it seemed much longer. The attentiveness and  warm hospitality of the crews were beyond words. 

พอรถไฟกลับมาจอดที่ Hakata Station ทุกคนก็กลับเข้าไปที่ห้องรับรองอีกครั้ง ในนี้เค้าก็จะมีการพูดคุยร่ำลากันอีกพอเป็นพิธี ยังคงมีของว่างอร่อยๆและชาร้อนมาเสิร์ฟ และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องจากกันจริงๆ ภาพสุดท้ายที่เราหันไปมองเห็นพนักงานทุกคนยืนโบกมือยิ้มแย้มให้ไม่หยุด ตอนนั้นก็ยิ้มและโบกมือกลับนะ แต่ความจริงแล้วกลั้นน้ำตาไว้แทบแย่… ความสุขและความประทับใจบนรถไฟ 7 Stars จะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป แล้วเจอกันใหม่นะ : ) 

 

The train pulled into Hakata Station. Then we were invited to the lounge again for the last farewell. I took my baggage and it was time to leave. All the crews stood in front of the lounge and waved us goodbye. I waved back and couldn’t stop smiling while actually I tried hard to hold back my tears. This is surely the greatest experience of my life and the best memories ever. 

good to know 

  • 7 Stars Cruise Train เป็นรถไฟตู้นอนที่หรูหราสุดๆของ JR Kyushuรถไฟจะวิ่งไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆของภูมิภาคคิวชูประเทศญี่ปุ่น เป็นการท่องเที่ยวที่แตกต่างจากเดิมมาก รู้สึกสนุกที่ได้ใช้ชีวิตบนรถไฟ ได้ทานอาหารอร่อย ๆ ได้นอนในห้องสวย ๆ และได้เพลิดเพลินกับวิวสองข้างทาง. This luxury sleeper train operated by Kyushu Railway Company (JR Kyushu) takes you through Kyushu.

 

  • มีแพคเกจท่องเที่ยวสองแบบคือแบบ 2วัน 1คืน นอนในรถไฟเลย และแบบ 4วัน3คืน (นอนในรถไฟ2คืน และพักที่เรียวกัง1คืน) ราคารวมค่าโดยสารตู้นอน ค่าอาหารทุกมื้อและค่าใช้จ่ายต่างๆรวมในแพคเก็จเรียบร้อยแล้ว. There are 2 packages: 2-day (1 night) or 4-day (2 nights on the train, 1 night in ryokan)The price covers all rail and other transport during the trip as well as meals and accommodation. 

 

  • รถไฟขบวนนี้มีทั้งหมด 7โบกี้ด้วยกัน ตู้นอน 5โบกี้ อีกสองโบกี้เป็นห้องอาหาร และพื้นที่สำหรับความบันเทิง มีห้องนอนทั้งหมด 14ห้อง ห้องที่เลิศสุดคือห้อง 701 ห้องนี้เป็นห้องใหญ่ที่สุด และอยู่หน้าสุดของขบวนมีกระจกใสบานใหญ่ อยู่ห้องนี้เวลารถไฟวิ่งจะเห็นวิวสองข้างทางเต็มๆ ฟินมากกก. The train consists of 5 sleeping cars, a lounge car, and a dining car. There’re 14 luxury guest rooms, 2 deluxe suites; no. 701 is the largest one as it locates at the end of the train. Guests in this suite can enjoy panoramic view from private living room.   

 

  • ทุกซอกทุกมุมบนรถไฟถูกออกแบบอย่างประณีต ตกแต่งด้วยวัสดุชั้นดีราคาแพงใส่ใจแม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆแม้กระทั่งน็อตยังเป็นรูปดาว พนักงานก็น่ารัก ยิ้มแย้มและคอยดูแลเราเป็นอย่างดี. The attention to detail and design is evident throughout the train. The crew are very nice and attentive. 

 

  • สองวันหนึ่งคืนบนรถไฟทำอะไรบ้าง? ที่ทำเยอะสุดคือนั่งชมวิวเพลินๆแค่ชมบรรยากาศสวยๆสองข้างทางก็ฟินแล้ว การที่ได้นั่งมองพระอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้าบนรถไฟหรู เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่น่าจดจำ นอกจากนั้นยังมีพาไปเที่ยวนอกสถานที่เพื่อไปดู workshop และการแสดงพื้นเมืองที่หาดูได้ยาก อันนี้เราจะไปหรือไม่ไปก็แล้วแต่เรา ตกกลางคืน4ทุ่ม ก็นั่งจิบค็อกเทลเบาๆ ฟังเพลงบรรเลงเพราะจากนักเปียโนและนักไวโอลิน มีนักมายากลมาสร้างความบันเทิงตามโต๊ะต่างๆ.What to do during the trip? Well, what I did the most was just chilling, enjoying view of Kyushu’s countryside, watching spectacular sunset on a luxury train is something I’ll never forget. There’re also excursions to visit cultural and natural of Kyushu. At night, piano music at the bar will keep you entertained while sipping cocktails. 

1 day in fukuoka

เราเดินทางด้วยสายการบินไทยจากสุวรรณภูมิ ไปฟุกุโอกะ เครื่องออกตี1 ไปถึง8โมงเช้าวันศุกร์ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงบนเครื่อง กำหนดการขึ้นรถไฟเช้าวันเสาร์ ก็เลยมาถึงก่อนวันนึงให้ชัวร์ๆดีกว่า วันนี้ก็เลยมีเวลา 1 วันเต็มๆ เดินเล่นที่ฟุกุโอกะ

I flew with Thai Airways from Bangkok to Fukuoka. The flight departed at 1am, arrived at 8am on Friday morning. Flight duration was around 6 hours. As the train scheduled to depart on Saturday morning so it’d be better to arrive a day earlier to make sure I wouldn’t miss it. 

Day1 วันศุกร์ เที่ยวเล่นในฟุกุโอกะ/ Chill out in Fukuoka

1.ศาลเจ้าTenmangu, Dazaifu มาถึงฟุกุโอกะปุ๊ปก็ไปเที่ยวทันที เพื่อนที่อยู่ญี่ปุ่นมารับที่สนามบินอาสาเป็นไกด์พาเที่ยว ที่แรกคือศาลเจ้าTenmangu เรามาถึงที่นี่แต่เช้า คนก็เลยไม่เยอะเท่าไหร่ บรรยากาศฤดูหนาวตอนเช้ามันช่างเย็นสดชื่นจริงๆ ถนนหน้าทางเข้ามีร้านสตาร์บัคในตำนานด้วย เก๋ตรงที่ตกแต่งด้วยไม้เป็นซี่ๆ ดูแปลก แตกต่างจากสาขาอื่นๆดี อากาศหนาวแบบนี้ซื้อโมจิถั่วแดงอุ่นๆกินอร๊อยอร่อยอ่ะ บริเวณด้านในศาลเจ้าร่มรื่น มีต้นไม้เต็มไปหมด ส่วนใหญ่นักเรียนนักศึกษานิยมมาขอพรที่นี่เรื่องการเรียนและความสำเร็จ

 

A friend in Japan took me from the airport and show me around. First we went to Dazaifu to visit Tenmangu Shrine. It was such a nice day in winter. The iconic Starbucks store is near the entrance of the shrine. What makes this store different from other Starbucks store is its architecture which features the use of traditional woodwork. There’re shophouses along the way sell desserts and souvenirs. I stopped by for a red bean mochi. Umm....it was nice for a cold day. The shrine is surrounded by plum trees. The shrine enjoys great popularity among students especially during the entrance exam season. 

2. กินปลาไหลอร่อยๆ ร้านนี้ทีเด็ดของเค้าก็คือปลาไหล เจ้าของร้านบอกว่าเอามาจากแหล่งที่ขึ้นชื่อสุดๆ เอาเข้าปากคำแรกก็รู้สึกว่าเด็ดจริง เนื้อปลาไหลจะหอมๆ ไม่แฉะมากๆออกจะแห้งๆหน่อย เคี้ยวแล้วหนึบหนับดี ใครมาเที่ยวฟุกุโอกะลองมาชิมได้ ร้านชื่อ UNAGI YANAGAWAYA HAKATA JAPAN Unagi restaurant.

This is one of the best unagi restaurants in Fukuoka. Taken from Yanagawa, one of the main place in Japan, the eel was perfectly grilled, sweet and really tasty. 

3. เดินเล่นทะเล Momochi Seaside Park พื้นที่ของสวนนี้เป็นส่วนหนึ่งของอ่าวฮากะตะ มีหาดทรายกว้างและยาวกว่า 1 กม. ในบริเวณสวนด้านบนจัดสรรเป็นสวนสนขนาดย่อม ถัดลงไปใกล้ทะเลเรียกว่าโซน Marizon ที่มีทั้งร้านช้อปปิ้งเล็กๆ น่ารักๆ ร้านอาหาร ภัตตาคาร มุมนั่งพักผ่อน เต็มไปหมด นอกจากนี้ยังมี wedding hall อาคารรูปทรงสวยคลาสสิคตั้งโดดเด่นอยู่ริมทะเล มุมถ่ายรูปน่ารักๆเยอะดี

 

Momochi Seaside Park is a park with an artificial beach located on Hakata Bay near Fukuoka Tower. At the center of the beach is Marizon, an artificial island featuring restaurants, shops, and a beautiful wedding hall. 

4. Fukuoka Tower ที่นี่เป็นตึกริมทะเลสูงที่สุดในญี่ปุ่นและถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองฟูกุโอกะ ตัวตึกเป็นกระจกสีฟ้าตั้งโดดเด่นด้วยความสูง 234 เมตร บนหอชมวิวสามารถมองเห็นทุกบรรยากาศของเมืองฟูกุโอกะ มีจุดชมวิวแบบพาโนรามา 360 องศา ทั้งมุมที่มองเห็นตึกรามบ้านช่องของเมือง และวิวรอบบริเวณอ่าวฮากะตะ เห็นเกาะน้อยใหญ่สุดลูกหูลูกตา สวยมาก เสียดายไม่ได้อยู่ถึงค่ำๆตอนกลางคืนวิวจากตึกนี้ก็น่าจะสวยมากๆ

 

The city's highest building and Japan's tallest seaside tower. This 234-meter-tall building covered by 8000 mirrors. The highest observation deck at 123m has a 360degree view of the surrounding area. The view from the tower at night must be terrific. 

5. Check in Hilton ทริปนี้เลือกพักที่โรงแรม Hilton โรงแรมนี้ดีมากกก ห้องสวยงามสะอาดสะอ้าน ทำเลดี และเห็นวิวทะเลด้วย มุมนั่งรอแถวๆReception โทนสีเหลืองน้ำเงิน ออกแบบเน้นเส้นสายและลวดลายศิลปะ นั่งมองเพลินเลย เตียงในห้องนุ่ม หลับสบาย ในห้องน้ำมีอ่างให้นอนแช่น้ำอุ่นหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน โซนอาหารเช้าก็ดูยิ่งใหญ่อลังการมากๆ ใครมาเที่ยวฟุกุโอกะแล้วหาที่พักอยู่ ลองดูที่นี่เป็นอีกทางเลือกนะคะ : )

 

I stayed at Hilton. The hotel was fantastic. The reception area was beautifully designed and decorated. The room was spacious, clean, and overlooking the beach. The buffet breakfast has a lot of selections covering the Western and Asian styles. 

bottom of page