top of page

SRI PANWA phuket resort

ถ้านึกถึงรีสอร์ทที่สวยๆ วิวเลิศๆที่ภูเก็ต ศรีพันวาน่าจะเป็นอันดับต้นๆที่คนนึกถึง เราเคยซื้อ Voucher ไว้ตอนมีโปรโมชั่นในงานไทยเที่ยวไทย ตอนนี้ได้โอกาสใช้แล้ว yippyyy อยากรู้เหมือนกันว่าที่พักสวยๆที่เค้าลือกัน ข้างในมันจะเป็นยังไง ได้ไปเห็นกับตาตัวเองก็คราวนี้ 

 

เบอร์ติดต่อ +667 637 1000

WEBSITE  www.sripanwa.co.th

FACEBOOK www.facebook.com/SripanwaPhuket

IG www.instagram.com/sripanwa

ราคา มีตั้งแต่  13,000+ ไปจนถึง 130,000+ ขึ้นอยู่กับแบบห้องที่เลือกและโปรโมชั่นช่วงที่มา

ห้องพัก

จุดเด่นคือ ห้องนอนที่มองออกไปแล้วจะเห็นวิวทะเลกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เปิดประตูเข้าไปในห้องจะเจอกับห้องนั่งเล่น มีเครื่องเสียง มีทีวี มีโต๊ะทานข้าว มีตั่งไม้วางเบาะใหญ่ๆไว้นั่งเล่น นอนยืดขายาวๆได้เลย ด้านข้างเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวที่มองเห็นวิวทะเลเช่นกัน นั่งทอดอารมณ์มองเรือแล่นไปมา เพลินดี : )

การตกแต่งในวิลล่าก็จะออกแนวไทยๆ แต่แอบแฝงไปด้วยความรู้สึกเท่ๆ น่าจะเป็นเพราะโทนสีและของตกแต่งด้วยที่ทำให้รู้สึกแบบนั้น กลิ่นอโรม่าในห้องจะเป็นกลิ่นคล้ายๆตะไคร้ผสมกับ Peppermint ทำให้ผ่อนคลายมากๆ อยู่ในห้องแล้วอยากจะล้มตัวลงนอนไม่อยากลุกไปไหนเล้ยย 

 

ถัดจากโซนห้องนั่งเล่นด้านหน้า เปิดประตูเข้ามาขวามือ ก็จะเป็นครัว มีตู้เย็น เครื่องชงกาแฟ กาต้มน้ำให้พร้อม ของทั้งหมดกินฟรีทุกอย่างยกเว้นไวน์ ด้านซ้ายเป็นห้องนอนที่มองไปเห็นวิวทะเล มันฟินตรงน้ี ลืมตาตื่นมาตอนเช้าเห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้น คงมีความสุขน่าดู​ ด้านหลังเป็นห้องแต่งตัว อ่างล้างหน้ามีสองอ่าง เวลาล้างหน้าแปรงฟันก็จะได้ไม่ต้องยืนเบียดกัน ส่วนห้องอาบน้ำที่นี่ก็สามารถใช้อาบน้ำและเป็นห้อง Stream ได้ด้วย 

ด้านหลังสุดมี Outdoor Rainshower อ่างจากุซซี่ และเก้าอี้ให้นอนมองวิวทะเลได้อีก เรียกได้ว่าใช้ประโยชน์จากมุมสวยๆที่ติดทะเลได้คุ้มค่ามาก

ที่นี่ตอนกลางวันกับตอนกลางคืนจะสวยคนละแบบ แต่ตอนที่พีคที่สุดคือตอนเช้าตรู่ นอนมองพระอาทิตย์ขึ้นที่เตียง เห็นวิวทะเลแบบนี้ ฟินระดับ 10

วันนั้นลืมตาตื่นขึ้นมา เพราะเสียงตาลปลุก “ดาวๆตื่น พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้ว” ภาพที่เห็นตรงหน้าคือวิวทะลกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แสงสีชมพูๆของพระอาทิตย์ที่กำลังค่อยๆโผล่ขึ้นมาทักทายกับวันใหม่ มันสวยจนไม่รู้จะอธิบายว่าอะไร ครั้งนึงในชีวิตได้ตื่นมาเห็นวิวแบบนี้ มันเป็นอะไรที่น่าจดจำมากๆ พอได้สติ สิ่งแรกที่มองหาคือกล้อง ลืมตามาก็ถ่ายรูุปเลยยยย เกิดมาชอบถ่ายรูปมันก็คงต้องเป็นแบบนี้แหละเนอะ 5555

Baba Pool Club ที่นี่คือที่ๆเราจะไปทานอาหารเช้ากัน ที่นี่บรรยากาศสบายๆ น่ารัก ตรงเพดานประดับด้วยโคมไฟห้อยๆลงมาเต็มเลย หันไปด้านขวาจะเป็นที่นั่ง Outdoor มองไปก็จะเป็นสระน้ำกับวิวทะเลสวยๆอีกแล้ว ที่นี่ไม่ว่าจะไปมุมไหน ก็สวยไปซะหมด อาหารที่นี่ก็จะมีเรียงรายให้เลือกหลายชนิดทั้งขนมปัง ผักผลไม้ สลัด อาหารต่างๆใส่ไว้ในหม้อดินเผาแบบไทยๆดูปราณีต เราติดใจแพนเค๊กกล้วย รสชาติดีมาก อร่อยเหาะ เห็นรูปแล้วก็คิดถึง 

ห้องอาหารที่ได้ลองทานมีสองที่ ที่แรกคือ Baba Chino เป็นอาหารจีน และ Baba Hot Box เป็นแนวปิ้งย่าง มาเริ่มที่ Baba Chinoกันก่อน ตอนไปทานเป็นช่วงค่ำเลยได้บรรยากาศกลางคืน ในร้านตกแต่งสไตล์จีนแต่ยังแอบมีกลิ่นอายความเป็นไทยแฝงอยู่นิดๆ แต่ที่ประทับใจ คือรสชาติอาหาร ที่สั่งไปทุกจาน อร่อยหมดเลยไม่ว่าจะเป็น หอยเชลล์ซอสส้ม ปลาทอดพริกเกลือ เต้าหู้หมูสับ หมูเปรี้ยวหวาน ไก่ตุ๋นยาจีน กุ้งนึงซีอิ้ว ถ้าใครมีโอกาสมาอยากให้ลองอาหารจีนที่ศรีพันวานะคะ อร่อยเกินคาดจริงๆ

Baba Hot Box 

อาหารที่นี่จะเป็นแนวบาบีคิวปิ้งย่าง เชฟน่ารักมาก Cook ให้ดูสดๆ เห็นกรรมวิธีต่างๆตั้งแต่ตอนเอาเนื้อเข้าเตา กลิ่นหอมค่อยๆฟุ้งออกมา เชฟจะต้องมีประสบการณ์จริงๆที่จะทำให้เนื้อแกะย่างออกมานุ่มกำลังดีขนาดนี้ น้ำจิ้มมีหลายชนิดให้เลือก แต่ละชนิดก็เป็นสูตรที่ทางร้านคิดขึ้นมาเองให้เข้ากับอาหารชนิดนั้นๆ ทั้งกุ้ง ทั้งหมูกรอบ อร่อยมาก กินจนลืมอ้วน เจริญอาหารกันสุดๆทริปนี้  

The HABITA

 

ที่นี่เป็นโซนที่เพิ่งเปิดใหม่ เน้นความสงบเป็นส่วนตัวในสไตล์ร่วมสมัยเขตร้อน ภาพรวมของโซนนี้น่ารักมากๆ ถ่ายรูปออกมาสวยทุกรูป มีสระว่ายน้ำใหญ่ๆ สองชั้น ร่มชายหาดลายขาวดำ ทำให้ดูเก๋ไปอีก ต้นไม้สูงรายล้อมอยู่รอบๆบริเวณนี้ทำให้มีร่มเงาหลบแดด เสียงจักจั่นร้องกันระงม จนแอบมโนไปว่านี่อยู่ป่าดงดิบรึเปล่า เหมือนจริงๆ ที่น่าสนุกคือชั้นล่างเป็นน้ำตก เล่นไปหัวเราะไปด้วยเพราะน้ำตกลงมาแรงมาก ตาลลอยห่วงยางสัปปะรดไปใกล้ พายออกมาแทบไม่ทัน สนุกกันมากๆตอนที่เล่นตรงนี้ เป็นความฝันวัยเด็กที่เพิ่งจะได้ทำ 555

Beach Pool

 

จุดนี้จะมีสระว่ายน้ำอีกเหมือนกัน และมีทางเดินให้ลงไปยังชายหาด จากชายหาดก็มีทางเดินทอดยาวไปจนถึงกลางทะเลเลย อยากเดินไปสุดทางแล้วโดดลงไปเล่นน้ำมาก แต่ตาลไม่ยอมโดดด้วย ถ้าโดดคนเดียวก็ยังไงๆอยู่เลยนั่งเล่นที่ริมหาดแทน 

Baba Nest

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Baba Nest ที่นี่ก็คงเหมือนกับรังนก เพราะอยู่จุดที่สูงสุดของรีสอร์ทนี้ จะเห็นวิวทะเล 360 องศา มีสระน้ำด้วย ที่สำคัญมีโต๊ะแค่ 12 โต๊ะ แขกที่มาพักก็เลยต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยเดือนนึงถ้าอยากจะขึ้นไปบนนั้น ไม่งั้นโต๊ะจะเต็มหมด  อยู่บนนั้นเราจะเห็นทุกคนมีความสุขกับการถ่ายภาพ บางคนก็โดดลงสระว่ายน้ำเล่น บางคนก็นอนคุยกันกระหนุงกระหนิง โมเม้นที่อยู่บนที่สูงขนาดนั้น มองวิวท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีฟ้ากลายเป็นเหลืองทอง พระอาทิตย์ที่ค่อยๆลับขอบฟ้าไปทีละนิดๆ เสียงเพลงบรรเลงเบาๆ สลับกับเสียงพูดคุยหัวเราะกัน มันดีงามที่สุดของที่สุด 

bottom of page