top of page

Japan with Family

พาพ่อแม่เที่ยวโตเกียวแบบคูลๆ

ซักครั้งพาพ่อแม่ไปเที่ยวถ่ายรูปแบบฮิปเตอร์กันป่ะ!? 555555

จุดเริ่มต้นของทริปนี้มาจากการที่พี่น้องคุยกัน จริงๆก็คืออยากใช้เวลาดีๆและได้ใกล้ชิดกับพ่อแม่แบบมีความทรงจำด้วยกันตอนเที่ยวต่างประเทศบ้าง

ที่ผ่านมาทุกคนก็มีภาระโน่นนี่กว่าจะหาเวลาตรงกันก็ยาก

ครั้งนี้พอทุกอย่างลงตัวเลยคิดว่า จะวางแผนทริปนี้ให้ดีที่สุด ให้พ่อแม่แฮ๊ปปี้แบบจดจำไปอีกแสนนาน

ช่วงเวลา 5วัน 6คืน ก็เลยจะฟินๆหน่อย กินอาหารอร่อยๆ พักที่เลิศๆ

ใครกำลังคิดว่าจะพาพ่อแม่เที่ยวโตเกียวก็มาเก็บข้อมูลกันได้ รายละเอียดตามมาดูกันได้เลยค่า : )

มีข่าวดีสำหรับแฟนๆ Whenwewander* ถ้าแพลนจะไปเที่ยวไหน ไม่ว่าจะพักที่ถูกหรือแพง

เข้า Link นี้จองกับ Booking.com ได้ส่วนลด 15% ทุกยอดจองนะค๊า

 

https://www.booking.com/s/when0w53 Booking.com

 

เค้ามีที่พักให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่โรงแรม วิลล่า ปราสาท ไปจนถึงบ้านบนต้นไม้และกระท่อมน้ำแข็ง

ว่าแล้วก็กดกันเลยยย ลดนิดหน่อยก็ยังดีกว่าไม่ลดเลยใช่ปะ 5555

Roppongi

ทริป 5 วัน 6คืน เรานอน 3 ที่ สองคืนแรกเราเลือกพักแถวๆรปปงหงิ ก็เลยใช้เวลาเดินเล่นสำรวจแถวนี้ โซนนี้น่ารักดีนะ คนไม่พลุกพล่านไม่วุ่นวายเท่าชิบูย่า ชินจุกุ แถวโรงแรมที่พักก็มีทุกอย่างที่ต้องการ ใกล้สถานี ใกล้ Roppongi Hill ที่ช๊อปในนั้นเยอะมาก แต่ส่วนมากจะเป็นร้านของ Designer และของแบรนด์เนม ทุกอย่างดูน่าซื้อน่าใช้ไปหมด แต่ราคาค่อนข้างสูง แถวริมถนนก็มีคาเฟ่และร้านอาหารเล็กๆน่ารักให้เลือกเยอะ

ใครเป็นสาวก Zara มาสาขารปปงหงิจะฟินเพราะที่นี่เป็นสาขาแรกในเอเชียที่เป็นแบบ pop up จะมีความหรูหราและพรีเมี่ยมกว่าสาขาอื่นๆ นอกจากมีมุมให้ถ่ายรูปชิคๆ การบริการก็ยังเลิศมาก สรุปสั้นๆคือ สาขานี้ตกแต่งสวยเป็นพิเศษ มีมุมให้ถ่ายรูปกับวีดีโอฮิปๆ แล้วส่งเข้าอีเมลตัวเองได้

ซื้อของใน Shop นี้ผ่าน App เท่านั้น (เราต้องโหลด App) รับของวันรุ่งขึ้น อยากลองเสื้อก็กดผ่าน App แล้วเสื้อผ้าก็จะไปรออยู่ที่ห้องลองเลิศๆรอเรา

ตอนรับของ ของจะถูกห่อไว้ในกล่องอย่างดี มีผ้าแบบญี่ปุ่นผูกมาให้สวยๆ แกะผ้าออกมาลายเก๋มาก เอามาเป็นผ้าพันคอได้อีก

Gucci แต่งร้านเก๋มาก แค่ดูก็เพลินแล้ว

ใครเคยใช้ Travel card ของกรุงไทยมั่ง เพิ่งสมัครมาใช้ทริปแรกเลย สะดวกดีเหมือนกัน เหมือนพกเงินสดแต่อยู่ในรูปแบบบัตร เวลาช๊อปเยอะๆก็ใช้บัตรนี้รูดเอา เรทดีด้วย ไว้มีเวลาแล้วจะมารีวิวน๊า

โรงแรมที่พักใกล้ทุกอย่างจริงๆ เดินไปดองกี้ ก็แค่ 3 นาทีถึง แถมสาขารปปงหงิก็เปิด 24 ชม.อีก  หรือจะเดินไป Tokyo Tower ก็แป๊ปเดียวถึง (Tokyo Tower ตอนกลางคืนสวยกว่าตอนกลางวันเยอะเลย)

Candeo Hotel

นี่โรงแรมที่เราพักสองคืนแรก Candeo Hotels สวยงาม ทำเลดี อาหารเช้าเลิศ แนะนำๆ

 

ทีเด็ดของโรงแรมนี้ก็คือ Sky spa มีทั้งแบบ Indoor และ Outdoor ใน Indoor เค้าก็จะมีที่ให้นั่งอาบน้ำ อาบเสร็จก็ลงมาแช่ในน้ำร้อนได้เลย สบายตัวมากๆ ส่วนแบบ Outdoor เราชอบมากกว่า Indoor เพราะจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ไปด้วย มีคืนนึงอากาศหนาวมาก แต่พอเอาตัวไปอยู่ในน้ำร้อนๆก็ฟิน จริงๆนี่ก็คล้ายออนเซ็นเพียงแต่ว่าน้ำที่เราแช่ไม่ใช่น้ำแร่เท่านั้นเอง

เช้าวันใหม่กับวิวโตเกียวทาวเวอร์ที่มองเห็นจากห้องนอนเลย อาหารเช้าที่นี่ดีมาก มีอาหารหลายอย่างให้เราเลือก แม้แต่ซุปยังมีหลายชนิด รสชาติแต่ละอย่างก็อร๊อยอร่อย พ่อติดใจอาหารเช้าที่นี่มาก

Shibuya

ที่เช็คอินต่อไปคือ ชิบูย่า ใครมาญี่ปุ่นแล้วไม่มาข้ามถนนที่นี่เหมือนมาไม่ถึงนะคะ 5555 แถวนี้ก็จะเป็นเหมือนใจกลางเมือง มีห้าง มีร้านอาหาร มีร้านช๊อปปิ้งเยอะมาก เดินได้ทั้งวันเลย ที่ญี่ปุ่นชอบมีอะไร Surprise เสมอ รอข้ามถนนอยู่บางทีก็กองทัพมาริโอ้ น่ารักกกก

ร้านเด็ดแถวๆนี้ ขอยกให้ Sushi Midori ในดวงใจ มาทีไรก็ต้องแวะร้านนี้ เป็นร้านซูชิที่สดอร่อย ในราคาที่ไม่แพงเลย เทียบกับคุณภาพ มันปูที่นี่อร่อยเวอร์

Harajuku

ย่านนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากชิบูย่ามาก ถ้าชอบเดินก็เดินมาได้เหมือนกัน ที่นี่ก็อารมณ์ประมาณสยาม เป็นแหล่งฮิปๆของพวกวัยรุ่น เป็นย่านที่จะเห็นหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นแต่งตัวคอสเพลย์มากกว่าที่อื่นๆ Takeshita Street ก็เป็นถนนที่มีความคึกคักสุดในย่านนี้ เป็นซอยๆนึงที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้า ขายเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของกิน เยอะแยะไปหมด

ใครชอบของกระจุ๊กกระจิ๊กน่ารักๆ มาเดินที่นี่ลองแวะร้าน Wego แต่ต้องตั้งสติให้มั่น ไม่งั้นเงินที่แลกมาอาจหมดได้

Omotesando

เป็นย่านช้อปปิ้งเก๋ๆในฮาราจูกุ มีต้นไม้ใหญ่เรียงรายสองฝั่งถนน ร้านก็จะเป็นอารมณ์ของแบรนด์เนม หรือเสื้อผ้าดีไซน์เนอร์ ผู้ดีๆหน่อย ราคาก็จะสูงนิดนึง สำหรับคนวัยทำงานจะคนละเรื่องกับ Takeshita Street เลย บรรยากาศแถวนี้ดีมาก โดยเฉพาะช่วงเย็น แอบรู้สึกคล้ายๆกับเดินแถบยุโรป พ่อกับแม่ชอบย่านนี้ที่สุด เจอที่นี่ก็ติดใจและบอกว่าวันที่เหลือไม่ไปไหนแล้ว จะมาที่นี่อีก - -“

วันรุ่งขึ้นก็ได้เวลาไปหาฟูจิล๊าวว ตอนแรกพ่อแม่บอก ไม่ต้องไปก็ได้ ไม่อยากนั่งรถนานเคยเห็นฟูจิแล้วในหนังสือ  แต่ลูกๆลงมติกันแล้วว่าไม่ด้ายยย พ่อแม่ควรไปเห็นธรรมชาติบ้าง ไม่ใช่อยู่แต่ในเมืองช๊อปปิ้ง ดีใจมากที่ตัดสินใจพาเค้ามาที่นี่ ทุกอย่างคือดีไปหมด หลังจากเดินช๊อปเหนื่อยๆมาสองวัน ได้มาสูดอากาศบริสุทธิ์ ใช้ชีวิตช้าๆบ้างก็เป็นการสร้างบาล้านซ์ที่ดี เราตัดสินใจพักที่ HOSHINOYA Fuji พูดเลยว่าทุกนาทีที่อยู่ที่นี่มันดีงามน่าจดจำ

HOSHINOYA FUJI

ที่นี่อยู่กลางเขา มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียว มีต้นไม้อยู่รอบตัวเราเต็มไปหมดเลย รู้เลยว่าอากาศตรงนี้บริสุทธิ์มาก เพราะเวลาสูดหายใจรู้สึกสดชื่น ชอบที่มีเสียงนกร้องคลอเบาๆตลอดเวลา พ่อกับแม่ชอบที่นี่มากเค้าบอกว่าเหมือนได้มาฟอกปอด เป็นการเที่ยวแบบธรรมชาติบำบัดที่แท้จริง อากาศตรงนี้ก็จะหนาวๆหน่อย ทางโรงแรมก็จะก่อกองไฟไว้ให้แขกที่มาพักได้นั่งผิงไฟให้อุ่น

 

ที่นี่โดดเด่นกว่าที่อื่นๆเพราะว่ามีคอนเซ็ปต์ Glampingมาจาก Camping + Glamourous = การแคมป์ปิ้งแบบหรูหรามีสไตล์ ด้วยคอนเซปต์นี้เลย ทำให้ที่นี่แตกต่างและดูมีอะไรกว่าที่พักอื่นๆ อยู่ที่นี่ิอารมณ์จะเหมือนมาตั้งแคมป์ในป่าแต่มีความสะดวกสบายครบครัน ที่สำคัญห้องทุกห้องเห็นวิวฟูจิชัดแจ๋ววว ตื่นมาพร้อมความฟิน

ช่วงค่ำก็จะมีหนังกลางแปลงฉาย มีเพลงบรรเลงจากกีต้าร์ที่โคดดดเพราะ เป็นช่วงเวลาที่สะกดใจมากๆ อยากให้ได้ยินด้วยกันจังเลย นึกตามนะ ตอนนี้เราอยู่ในป่าที่มีต้นไม้สูงๆล้อมรอบ มีกองไฟอยู่ตรงกลาง มองขึ้นไปเห็นดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ท่ามกลางอากาศหนาวๆ และเสียงจิ้งหรีด ก็มีเสียงเพลงบรรเลงกีต้าร์บรรเลงขับกล่อม เค้าเล่นเพลงอะไรไม่รู้นะ แต่มันเพราะมาก เพราะจนอยากจะร้องไห้ ไม่อยากกลับเลยยย ใครมาพักที่นี่อย่าพลาด Forest Concert นะคะ เค้าจะมีช่วง 3 ทุ่ม - 3ทุ่มครึ่ง มันดีมากจริงๆ

 

วิวริมทะเลสาบก็สวยเหมือนกัน มีทุ่งหญ้าฮิปสเตอร์สีซีดๆด้วย ใครชอบถ่ายรูปก็คงได้รูปเยอะจากมุมแถวนี้ เดินจากโรงแรมมา 10 นาทีก็ถึง

HOSHINOYA TOKYO

หลังจากเช็คเอ้าท์และขึ้นรถบัสกลับโตเกียว เราก็จะไปเช็คอินต่อที่ HOSHINOYA แต่คราวนี้เป็นที่โตเกียว ที่นี่เป็นเรียวกังที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของความเป็นญี่ปุ่น ภายนอกเป็นตึกดูสวยทันสมัยแต่แค่ก้าวพ้นประตูเข้าไปเราก็จะเจอกับบรรยากาศแบบบ้านญี่ปุ่นสมัยโบราณ ทั้งการตกแต่ง เสียงเพลงบรรเลง และการต้อนรับของพนักงานจะทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดมาอีกโลกนึงเลย

 

แขกที่มาทุกคนจะต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าไปยังห้องพัก การเดินเท้าเปล่าทำให้รู้สึกสบายๆเหมือนอยู่บ้าน 3 คืนที่นี่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก รู้สึกใกล้ชิดกับแม่ม๊ากมาก แช่ออนเซนด้วยกันทุกคืน 55555 พ่อกับแม่ไม่เคยแช่ออนเซนมาก่อนเลย คิดไว้แล้วว่าทริปญี่ปุ่นครั้งนี้จะหาที่พักที่มีออนเซน หลังจากเดินเหนื่อยมาทั้งวันก็จะได้แช่น้ำอุ่นให้สบายตัวหายเมื่อย คิดถูกจริงๆเพราะเป็นอะไรที่ถูกใจผู้ใหญ่มาก แช่เสร็จแล้วเนื้อตัวตัวเบา สบาย หายเมื่อยเป็นปลิดทิ้ง

 

อ่านเจอมาว่าอาหารเย็นที่นี่เด็ดเลยคิดว่าไม่ควรพลาดต้องจัดซักมื้อ พักที่สวยๆแล้วทานอาหารอร่อยๆเป็นของคู่กัน ;)ไม่มีคำอธิบายได้ๆจะเหมาะเท่ากับคำว่า อร่อย เลิศ ฟินทุกเมนู ทุกจานที่เชฟจัดให้พอตักเข้าปาก มองหน้ากันแล้วก็หุบยิ้มไม่ได้ รสชาติกลมกล่อมมากๆเลย จัดจานมาสวยและครีเอทีฟมาก พยายามหาข้อติอยู่ยังหาไม่เจอจริงๆ ทุกอย่างเฟอร์เฟค

 

ที่นี่เค้าจะมีสอนชงชา และยังมีการแสดงโชว์สนุกๆให้ดูด้วยนะคะ โชว์ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร แขกที่มาพักก็สามารถมานั่งดูได้เลย สามารถเช็คเวลากับโชว์ได้ที่ Reception

 

ใครมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากลองประสบการณ์ฟินๆแบบนี้ ลองมาพักที่ HOSHINOYA Tokyo ดูนะคะ

ทริปไหนพาพ่อกับแม่มาด้วย สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการไปวัด ที่โตเกียววัดที่มีชื่อที่สุดก็คงจะเป็นวัดอาซากุสะที่คนนิยมมาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และมาขอพรกัน สองข้างทางก่อนจะถึงวัดจะมีร้านขายของเยอะมากกก เราได้ปลอกคอแมวน่ารักๆจากที่นี่แหละ

อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ว่า พ่อกับแม่ติดใจบรรยากาศแถวๆ Omotesando มาก อยากจะกลับมาอีก พอกลับมาโตเกียวอีกรอบก็เลยมาเดินเล่นแถบนี้อีก เดินเท่าไหร่ก็ยังไม่ทั่ว มีซอกซอยที่มีร้านน่ารักๆเยอะมาก แถวๆ Cat street ก็เก๋ ร้าน Care bears Cafe น่ารักมุ่งมิ้ง นั่งจิบกาแฟและกอดหมีไปด้วย

สรุปก็จบทริปนี้แบบ Happy ending

พ่อกับแม่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ส่งเข้ามาในกรุ๊ปไลน์ว่า “มีลูกดี มีค่ามากกว่าถูกหวยรางวัลที่ 1” 555555

ที่เขียนเล่ามาทั้งหมด ก็อยากให้แฟนเพจของเราได้รับพลังที่ดี และมีแรงบันดาลใจที่จะพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวบ้างในวันที่ยังมีโอกาส

อย่าผลัดวันประกันพรุ่งเพราะเวลาของพ่อแม่ก็น้อยลงทุกวันๆ สะสมความทรงจำที่ดีๆกับพวกเค้าให้มากๆ ในวันที่เรายังมีโอกาสนะคะ

bottom of page