Dreamtown Hallstatt
GENERAL :
เมืองฮัลล์ชตัทท์เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบฮัลล์ชตัทท์ (Lake Hallstatt) และเป็นทะเลสาบในเขตภูมิภาคทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของประเทศออสเตรีย ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลกด้วยนะ เป็นเมืองในฝันของใครหลายๆคน ครั้งแรกที่เห็นรูปวิวที่นี่ เราคิดไว้ในใจว่า ทำไมมันสวยอย่างงี้ อยากไปๆๆๆ ซักวันต้องไปให้ได้ และวันนั้นก็มาถึงเร็วกว่าที่เราคิด ก่อนที่จะไปถึงเมืองนี้จะมีเรือให้ข้ามฝั่งไป ตอนอยูบนเรือจะเห็นเมืองนี้อยู่ลิบๆ คือใจเต้นมาก ดีใจ แล้วก็คิดว่าในที่สุดก็ได้มาแล้ววววว ยิปปี้ มีความสุขสุดๆอ่ะ
WHERE TO STAY :
ก่อนไปเท่าที่หาข้อมูลมาบางคนจะมาที่นี่แบบ One day trip หรือไม่ก็พักที่นี่คืนนึง แต่เนื่องจากเราหลงรักที่นี่ตั้งแต่ยังไม่ได้มาแล้ว ขออยู่นานหน่อย เลยจองที่พักไป 3 คืน อยากค่อยๆใช้เวลา อยากซึมซับกับบรรยากาศที่นี่ให้มาก ให้สมกับที่เรานั่งฝันและรอคอยเวลาที่จะมาที่นี่
เราเลือกพักที่ Seehotel Grüner Baum ตอนที่ไปเป็นช่วงเดือนพฤษภาคม ราคาค่าห้องสำหรับ3คืนจะอยู่ที่ประมาณ 630 Euro หรือ 25,284 บาท เป็นห้องที่วิวหันหน้าไปทางทะเลสาบ ถ้าดูในคลิปก็จะเห็นวิวจากระเบียงห้องว่าสวยยังไง
ข้อดีของที่นี่คือใกล้ท่าเรือมาก สะดวกสุดๆ พอเรือมาเทียบท่าลากกระเป๋ามาเดินไม่ถึงหนึ่งนาทีถึงโรงแรมแล้ว ตัวโรงแรมจะเป็นตึกสีเหลือง ติดกับโบสถ์สูงๆที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ ทางเข้าโรงแรมอยู่ตรงข้ามกับจตุรัสกลางเมืองหรือ Market Square เป็นอีกจุดนึงที่สวย เหมาะแก่การถ่ายรูปมากๆค่า
โดยรวมประทับใจกับที่พักมาก ห้องนอนสวย ห้องน้ำใหญ่มากมีอ่างอาบน้ำให้ แล้ววิวที่ระเบียงก็สุดยอดมากๆ เรายอมพักดีหน่อยกับเมืองในฝัน แล้วไปประหยัดกับเมืองอื่นแทน : )
FOOD :
อาหารที่นี่มีที่เด็ดที่นึง ชื่อ Gasthof Zauner
เป็นร้านอาหารชื่อดังของที่นี่ มีเมนูปลาเทราท์สดๆจากทะเลสาบที่อร่อยมากๆ เราชิมแล้ว อยากจะร้องกรี๊ด มันอร่อยมากจริงๆ หนังปลาบางๆกรอบๆ เนื้อข้างในนุ่มๆ ราคาจะขึ้นอยู่กับน้ำหนัก ตอนนั้นเรากินปลา1ตัวแบ่งกันสองคน ตัวนั้นประมาณ 29Euro เฮ้ยย มันฟินเว่อ อร่อยจริงๆ มื้ออื่น มาม่าเป็นหลัก แล้วก็มีขนมปัง มีไส้กรอก มีเฟร้นฟราย มีเคบับที่ขายอยู่ริมทาง อะไรทำนองนี้ ของดีไม่ควรกินบ่อย เดี๋ยวจะเคยตัว แฮ่ะๆ
ACTIVITIES :
ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆที่ค่อนข้างสงบ นักท่องเที่ยวจะเยอะช่วงเสาร์ อาทิตย์ ถ้าเป็นวันธรรมดาคนจะน้อยเงียบๆ แล้วเมืองก็ไม่ใหญ่มากเดินถึงหมด กิจกรรมคร่าวๆที่เราทำที่นี่ก็จะมี
1. เดินสำรวจเมือง คือที่นี่เมืองสวย เราก็ชอบที่จะเดินไปเรื่อยๆ ดูบ้าน ดูดอกไม้ ดูะไรโน่นนี่ชิวๆไปเรื่อยตามประสา เราจะพาไปมุมมหาชนก่อน คือถ้ามาที่นี่นะ ห้ามพลาดที่จะไปถ่ายรูปมุมนี้ หันหน้าเข้าโรงแรมที่เราพักให้เดินไปทางซ้าย ผ่านท่าเรือ เดินไปเรื่อยๆมันเป็นทางบังคับอ่ะเดินประมาณ 5 นาทีจะเจอโค้งๆก็ถึงแล้ว มุมนั้นสวยมากเห็นเมือง Hallstatt เหมือนในโปสเตอร์เลย ตอนเช้าจะมีเสียงระฆังจากโบสถ์ดังสลับกับเสียงนกร้อง มีความสุขมาก มาที่นี่เหมือนได้เพิ่มพลังชีวิต ความเหนื่อยหายไปหมดเลย
2.ที่อื่นๆที่จะไปนอกจากมุมมหาชนแล้ว หันหน้าเข้าโรงแรมให้ไปทางขวาหมด มีร้านไอติมตรงหัวมุม อร่อยยยย ขนาดเราไม่ได้ชอบไอติมมาก ยังกินไปตั้งหลายอัน
3.เลยร้านไอติมมาเรื่อยๆก็จะมีร้านขายของที่ระลึก ใครจะซื้อ magnet อะไรก็แวะดูได้ ด้านขวามีสวนเล็กๆ ต้องเดินขึ้นบันไดไป จะมีมุมหมากรุกยักษ์ให้เล่นถ่ายรูปกัน สนุกดี
4.เดินเลยมาหน่อยจะเห็นวิวทะเลสาบชัดขึ้น จะมีบันได้เล็กๆอยู่ สามารถเดินลงไปเล่นกับหงส์ ถ้าเรามีขนมปังก็ไปแบ่งให้มันกินได้ เอาไว้ล่อมันเวลาอยากถ่ายรูปด้วย แต่ระวังมันงับมือล่ะ วันไหนอากาศดีๆ เค้าจะมีให้เช่าเรือถีบในทะเลสาบ ครึ่งชั่วโมง 15-20 Euro ราคาขึ้นอยู่กับเรือด้วยนะ เราลองไปถีบมา ช๊อบชอบ นี่มันสวรรค์ชัดๆ ถีบไปถีบมาเริ่มเย็น อากาศจากเย็นธรรมดากลายเป็นเย็นมากถึงมากที่สุด เสื้อก็ไม่ได้หนาแถมใส่ขาสั้นอีก กรี๊ด... เอายังไงๆ ไม่กลับหรอก ยังเหลืออีกตั้งสิบนาที
กรี๊ดไปด้วย ถีบไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย ก็ฮาดีนะ เป็นประสบการณ์ที่สนุกสนาน ลืมบอกว่าที่นี่อยู่กลางหุบเขา มันจะสามารถร้อนมากและหนาวมากในเวลาเดียวกันได้ ตอนที่เราไปไม่ใช่หน้าหนาว แต่ก็ยังมีช่วงที่หนาวสุดๆ ให้พกเสื้อที่ใส่แล้วอุ่นมาเผื่อด้วยนะคะ
5. ไปเหมืองเกลือ เราดูพยากรณ์อากาศแล้วเลือกเอาวันที่ดูครึ้มฟ้าครึ้มฝนเป็นวันที่ไปเหมืองเกลือ เพราะมันไม่ได้อยู่กลางแจ้ง เหมืองเกลือที่นี่โบราณมาก ที่มีอายุมากกว่า 7,000 ปี เราไปเหมืองโดยการขึ้นกระเช้าไฟฟ้าที่ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล ประมาณ 838 เมตร เหมืองเกลือจะเปิดให้เที่ยวชมได้ในช่วงระหว่างเดือนเมษายน - เดือนตุลาคมของทุกๆปี จะมีไกด์คอยนำทางให้เราเข้าไปเปลี่ยนชุด และอธิบายประวัติความเป็นมาในเหมืองเกลือ ได้ลองลื่นสไลด์เดอร์ด้วย ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด สนุกๆ ต้องลองเองแล้วจะรู้
TIPS :
ตอนกลางคืนร้านต่างๆจะปิดหมด เมืองจะเงียบมาก ถ้าจะต้องซื้อของอะไร หรือกลัวหิวตอนกลางคืนก็ซื้อเสบียงเตรียมไว้ก่อนน๊า
เตรียมเสื้อผ้ากันหนาวมาซักตัวนึง ถึงจะมาในหน้าร้อนก็เผื่อมานะ อย่าคิดว่ามันจะไม่หนาว อากาศที่นี่สามารถมีหลายฤดูในวันเดียว
ให้เดินไปที่โบสถ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ด้านที่ติดกับทะเลสาปจะมีสวนเล็กๆ มีชิงช้าให้นั่ง มีต้นไม้ใหญ่ๆสวยยยย เหมาะถ่ายรูป ดูในคลิปก็มีวิวของมุมนี้นะ
BEWARE :
เอาจิงๆ คิดไม่ออก ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรให้ระวัง เมืองดูสงบเงียบ ดูปลอดภัย เป็นเมืองที่อยู่แล้วมี
ความสุขมากๆ ระวังอย่างเดียว ระวังจะหลงรักเมืองนี้มากขึ้นไปอีก อยากกลับไปอีกจังเลยยย >.< คราวหน้าจะลองไปหน้าหนาวมั่ง เมืองคงจะสวย ขาว และเต็มไปด้วยหิมะทั้งเมือง หยุดฝันแล้วไปทำงานแป๊ป T T