V Villas Hua Hin
Hidden Paradise
มีอยู่วันนึง นั่งดูรูปตอนไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ แล้วก็มานั่งคุยกันว่า ที่ผ่านมาเวลาวางแผนเที่ยวเราเล็งไปนอกประเทศตลอดเลยเนอะ จริงๆแล้วประเทศเราก็มีที่เที่ยวสวยๆเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเล จากเหนือจรดใต้ ตะวันออกถึงตะวันตก มีทั้งวัฒนธรรม ที่มีเอกลักษณ์และมีเสน่ห์ไม่เหมือนชาติไหนด้วย ก็เลยเกิดความคิดว่า อืมม…. เราต้องหาเวลาไปตะลุยเที่ยวในไทยให้ทั่วๆบ้างซะแล้ว
ที่แรกที่นึกถึงก็คือหัวหิน เพราะไม่ไกลมาก เดินทางสะดวก จริงๆก็เคยไปหลายทีแล้วล่ะ แต่ครั้งนี้ขอลองคิดในมุมมองของนักท่องเที่ยวนิดนึง ว่าถ้าเราเป็นชาวต่างชาติแล้วอยากจะมาเที่ยวหัวหิน เราจะอยากไปที่ไหน พักที่ไหน ก็เริ่มมาวางแผนกัน ได้แผนการท่องเที่ยวตามนี้
-
Trick arts museum
-
วัดห้วยมงคล
-
Huahin hill Vineyard
-
สถานีรถไฟหัวหิน
-
น้ำตกป่าละอู
-
สวนน้ำ Vana Nava
-
พัก V Villas Hua Hin
ขอเริ่มต้นรีวิวที่พักก่อนเลย เพราะหลายคนส่งมาถามมาในแมสเซจว่า พักคืนเท่าไหร่ ข้างในเป็นยังไงบ้าง อาหารอร่อยมั๊ย ประทับใจอะไร เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังแบบละเอียดๆเลยค่ะ ต้องบอกก่อนว่า ตอนแรกหาที่พักที่หัวหินกันอยู่นานมาก มีหลายที่ๆน่าสนใจ แต่ที่สะดุดตาที่สุดก็คงเป็นที่ VVillas ไม่รู้ว่าเพราะพวกเราเป็นอินทีเรียด้วยรึเปล่า เลยถูกใจกับที่นี่ ชอบสไตล์การออกแบบที่เรียบง่าย แต่ดูดี มีอะไรบางอย่างที่มองแล้วไม่เบื่อ ตอบโจทย์กับความต้องการที่เราอยากมาพักผ่อน ซึมซับบรรยากาศดีๆ ได้แรงบันดาลใจกลับไป
ราคาห้องพักจะขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น เราไปกันสองคนพักแบบ One Bedroom ราคาอยู่ประมาณ 17000 บาทต่อคืน
ทางไป V Villas เหมือนกับทางไปเขาตะเกียบ จะถึงก่อนโค้ง อยู่ทางซ้ายมือ หาไม่ยาก ให้สังเกตป้ายตัว Vไว้จะอยู่หน้าทางเข้า
Day1
ไปถึงประมาณเที่ยง จอดรถไว้ด้านหน้าเลย จะเห็นบันไดใหญ่ๆเป็นทางเดินสำหรับขึ้นไปที่ Reception โซนนี้ดูโปร่งๆ ตกแต่งสไตล์ Thai Modern ดูทันสมัยแต่ก็ยังมีกลิ่นอายของความเป็นไทยอยู่ หลังจาก Check inเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีพนักงานเอาพวงมาลัยมาต้อนรับพร้อมผ้าเย็นหอมชื่นใจ ขนาดเราเป็นคนไทยยังยิ้มเลย ชาวต่างชาติคงประทับใจมากแน่ๆ จากนั้น Receptionให้พนักงานเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องและแนะนำ Butlerที่จะเป็นคนดูแลเราตลอดการเข้าพัก (ที่นี่ทุกวิลล่าจะมี Butler เป็นเหมือนเลขาที่จะคอยดูแล ขาดเหลืออะไรมีโทรศัพท์มือถือให้ไว้กดหา Butlerได้ตลอด 24 ชั่วโมง) ดีจังแฮะ ก่อนมาไม่รู้มาก่อนว่าที่นี่มีบริการนี้ : )
สิ่งที่เห็นได้ชัดมากๆระหว่างทางที่เดินไปห้องพักก็คือ ความเงียบสงบและความเป็นส่วนตัว การออกแบบทางเดินโซนกลางลักษณะเหมือนเขาวงกตเลย ทางเข้าวิลล่าจะอยู่ด้านซ้ายและขวา มีต้นไม้สูงกั้นพื้นที่แต่ละวิลล่าไว้ รับรองว่าใครที่อยากไปพักผ่อนแบบสงบๆ คนไม่พลุกพล่านละก้อจะต้องชอบที่นี่มากๆ
เราอยู่วิลล่าที่ 18 ตอนที่ Butler เปิดประตูเข้าไปแอบอึ้งกับความใหญ่ ตอนแรกจองมา Onebedroom ก็นึกถึง Onebedroom แต่นี่พูดเลยว่าเหมือนบ้านหนึ่งหลัง ทุกอย่างเกินความคาดหมายมาก ก้าวเข้าประตูมาเราจะเห็นสระน้ำอยู่ด้านข้าง พร้อมที่นั่ง Outdoor ชิลๆริมสระ
พอเข้าไปในตัวบ้าน อย่างแรกที่เห็นคือห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ Connect กับห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และมีอ่างจากุซซี่อยู่ในสุด พื้นเป็นพื้นหินอ่อน ทุกอย่างดูหรูหราไปหมด ด้านขวาเป็นทางเชื่อมไปห้องนอนและห้องนั่งเล่น เรากับตาลนี่แอบหันมามองหน้ากันยิ้มไม่หุบ ในคลิปวีดีโอมีตอนวิ่งเล่นในห้องน่าจะพอนึกภาพออก ปล.Welcome drink เป็นน้ำใบเตยอร่อยมว๊าก
หลักๆในห้องมีอุปกรณ์ให้ตามนี้
-
ตู้เย็นพร้อมที่แช่ไวน์
-
Entertainment system ipod + ลำโพง มีเพลงเพราะๆใส่ไว้ให้แล้ว
-
Ipad ไว้ดูเมนูอาหารและรายละเอียดต่างๆรวมทั้ง Facilities ของที่นี่ทั้งหมด มีโทรศัพท์ให้ 1เครื่องไว้โทรหาButler
-
โต๊ะนั่งทำงาน พร้อมเครื่องเขียนเล็กๆน้อยๆใส่ในกล่องหนังอย่างดี
-
เครื่องทำกาแฟ
-
สบู่ ยาสระผมกลิ่นหอมแบบแมนๆผสมความเซ็กซี่นิดนึง หอมติดตัวมากๆ
-
ไดร์เป่าผม ผ้าเช็ดตัว ไม้แขวนเสื้อ แปรงฟัน ยาสีฟัน ครีมทาผิว เสื้อคลุม รองเท้าสำหรับเดินในห้อง ที่ชั่งน้ำหนัก
-
ผลไม้หลายชนิดจัดใส่ตะกร้าเตรียมไว้ให้
-
จะมีพนักงานนำขนมมาให้ช่วงบ่ายๆ
-
ตกกลางคืนมีช๊อคโกแลตมาวางไว้ให้
พอวางกระเป๋าเข้าที่ กำลังเอาเสื้อออกมาแขวน ตาลร้องเฮ้ยเสียงดังมาก! ไอเราก็ตกใจคิดว่ามีอะไร ปรากฏว่านางลืมเอาที่ชาร์ตแบตโทรศัพท์มา ไปเที่ยวก็ตั้งหลายที ของสำคัญแบบนี้ลืมได้ไง!! แล้วจะทำไงเนี่ยถ้าแบตหมด %$#&! ตาลรีบกดโทรศัพท์โทรหาคุณอีฟที่เป็น Butler ปรากฏว่าไม่ถึงสามนาทีคุณอีฟเอาสายชาร์ตโทรศัพท์มาให้ บอกว่าทางวิลล่ามีสายชาร์ตสำรอง ให้เอาไว้ใช้ได้เลย (รอดตัวไปนะตาล!) มีButler ดีแบบนี้นี่เอง รู้สึกเหมือนมีเลขาส่วนตัวเลย
หลังจากนี้ก็จะเป็นเวลาพักผ่อนที่แสนจะสุขใจล๊าวววว พวกเราเปลี่ยนชุดกระโดดเล่นน้ำในสระก่อนเป็นอย่างแรก ขนาดของสระน้ำในวิลล่า กะขนาดจากสายตาประมาณซัก 4 เมตร x 10 เมตร ในสระมีปุ่มให้กดน้ำไว้สำหรับนวดหลังและขา น้ำที่พุ่งออกมานวด แรงสะใจมาก
ตกเย็นท้องก็เริ่มหิวเราวางแผนกันว่าจะทานมื้อเย็นที่นี่ทุกวัน จากที่หาข้อมูลมาเค้าบอกว่า อาหารอร่อยเด็ด ได้รางวัล Thailand’s Best Restaurant จาก Thailand Tatler มา3ปีซ้อน ไหนๆมาแล้วต้องชิม เย็นนี้เราเลยเลือกทานอาหารที่ห้องอาหาร Villazzo โซนริมสระน้ำ บรรยากาศดีมากๆ เป็นเหมือนศาลาริมน้ำ
เมนูที่สั่งก็จะมี
ตับห่านฝรั่งเศสกับซอสเบอรี่ - ตับห่านสดมาก รสชาติเข้ากับซอสได้ดี ละลายในปาก
ซีซ่าร์สลัดกับกุ้งลายเสือ - จุดเด่นอยู่ที่กุ้งตัวใหญ่เว่อร์ เนื้อแน่น สด รสชาติกลมกล่อมกินเกลี้ยงจานเลย
ซี่โครงแกะออสเตรเลีย - สั่งแบบ Medium
พอมาถึง รู้สึกว่าเนื้อดูแดงไปนิด แต่พอเอาเข้าปากรสชาติดีมาก ยิ่งจิ้มกับซอสมิ้นท์ด้วยแล้ว ยิ่งอร่อย
น่องเป็ดตุ๋นแบบฝรั่งเศษทอดกับมันฝรั่งผัดกับโรสแมรี่ - เป็ดเนื้อนิ่มกำลังดี หนังกรอบนิดๆ รสชาติเข้ากับเครื่องเขียงที่มาด้วย
ข้าวเหนียวมะม่วงไอติมกะทิ - มะม่วงสด หวาน เนื้อแน่น ไอติมก็อร่อย ดูรูปแล้วจะเข้าใจ
สรุปว่า Western foodที่นี่ต้องยกนิ้วให้เชฟเลย อร่อยทุกเมนู ไม่ผิดหวัง ราคามื้อนี้ประมาณ สองพันกว่าบาท
กลับมาถึงห้อง นอนเล่นดูทีวีแล้วก็หลับอย่างมีความสุข ที่นี่เค้าให้หมอนเยอะมาก มีหมอนใหญ่ 4 ใบ หมอนเล็กอีก 3 ใบ ชอบๆ เอาไว้นอนกอดเป็นหมอนข้าง หลับสบายเหมือนอยู่บ้านเลย
Day2
วันนี้ตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า รีบเดินออกมาตรงสระน้ำด้านนอก เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น วิวสระน้ำ Outdoor ตรงนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ก็ว่าได้ ใครมาที่นี่ก็จะไม่พลาดถ่ายรูปที่มุมมหาชน มองจากตรงนี้ สระน้ำเหมือนถูกเชื่อมต่อกับทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา เงาสะท้อนของผืนฟ้ากับร่มสีดำ สวยงามมาก มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ
ที่สำคัญ อารมณ์ของวิวมุมนี้ เปลี่ยนไปตามแสงธรรมชาติ เช้า กลางวัน เย็น มองที่จุดเดิมแต่ได้อารมณ์คนละแบบหมดเลย ขึ้นอยู่กับแสงเงาของท้องฟ้าและก้อนเมฆที่กระทบลงบนผิวน้ำด้วย นี่ก็คงเป็นเสน่ห์อีกอย่างนึงของ V Villa เป็นความสวยที่คาดเดาไม่ได้ต้องมาสัมผัสเองถึงจะรู้ รวมหลายๆรูปที่ถ่ายมุมนี้ให้ดูนะคะ : )
ตอนเช้า ริมทะเลที่นี่จะมีพระเดินบิณฑบาตร มีคนขี่ม้าเลียบชายหาด เป็นภาพที่เห็นแล้วจิตใจสงบดีจริงๆ การที่เราหยุดคิดเรื่องงาน พาตัวเองมาพักผ่อนแบบจริงจัง เป็นอะไรที่ดีนะ สมองได้พักผ่อน เติมพลังบวกให้กับร่างกาย สร้างบาลานซ์ให้กับชีวิต เราเป็นคนให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้มาก ทำงานหนักแล้ว เที่ยวก็ต้องหนักด้วย “Work hard Play Harder” พรุ่งนี้เช้าอยากใส่บาตรริมทะเลมั่งเลยโทรเช็คกับ Butler ว่าที่นี่สามารถเตรียมอาหารสำหรับใส่บาตรพระได้มั๊ยปรากฏว่าได้ ราคาประมาณ 200 ต่อชุด มีดอกไม้ธูปเทียนให้พร้อมเลย ก็เลยสั่ง 3 ชุดสำหรับพระ 3 รูป
เดินเล่นริมหาดเสร็จก็ได้เวลาอาหารเช้าพอดี อาหารเช้าที่นี่มีครบครัน ไม่ว่าจะเป็นขนมปังต่างๆ ข้าวต้ม อาหารไทย อาหารจีน อาหารญี่ปุ่นก็มี น้ำผลไม้ต่างๆ คือทุกอย่างที่อาหารเช้าควรมี ที่นี่มีหมด สังเกตุว่าที่นี่เค้าจะไม่ได้จัดอาหารมาในปริมาณที่เยอะมาก แต่จะมีพนักงานมาคอยเติมให้เต็มอยู่เรื่อยๆ แบบนี้ชอบนะ เพราะเราจะได้ทานของที่ร้อนๆสดจากเตาตลอด เคยไปบางที่เค้าออกอาหารมาทีละเยอะๆเช่นพวกเบค่อนอะไรแบบนี้ คนที่ตื่นสายกว่าจะมากินอาหารก็เย็นหมดแล้ว
สิ่งที่ประทับใจที่สุด สำหรับอาหารเช้าก็น่าจะเป็น ความสดของอาหาร แล้วก็น้ำผลไม้ โดยเฉพาะน้ำส้ม ชอบที่ไม่ใช้น้ำส้มสำเร็จรูป แต่เป็นน้ำส้มคั้นสดๆ อร่อยสดชื่นมาก อ่อ แล้วที่นี่ก็มีน้ำ Healthy drink ให้สำหรับคนที่ชอบชีวจิตด้วยนะ ชิมไปขวดนึง รสชาติถั่วๆ อร่อยดี ^^
แพลนของวันนี้ เราจะไปไหว้หลวงปู่ทวดที่วัดห้วยมงคล แล้วก็ไปเที่ยวเล่นที่สถานีรถไฟหัวหิน เดี๋ยวสรุปรายละเอียดสถานที่เที่ยวทีเดียวตอนท้ายจะได้อ่านง่ายเนอะ
หลังจากไปเที่ยวกลับมา ก็เป็นเวลาประมาณบ่าย3 แดดกำลังร้อนได้ที่เลย ถ้าออกไปเล่นทะเลตอนนี้ ผิวพังแน่ๆเลย เลยหาอะไรอย่างอื่นทำดีกว่า ระหว่างเดินกลับวิลล่า ผ่านป้ายสปาเลยขอลงไปดูซักหน่อยว่ามีอะไรน่าสนใจมั่ง สะดุดตากับเมนูนึงก็คือ Body Massage Oil Candle ปกติเป็นคนชอบนวดมาก ลองมาหมดแล้ว นวดหินร้อนก็เคยมาแล้ว แต่นวดด้วยน้ำมันเทียนไม่เคยแฮะ ลองซักหน่อยดีมั๊ย หันไปเจอหน้าตาล ส่ายหัวไม่ๆๆท่าเดียว ไม่ใช่อะไรหรอก นางไม่ชอบนวดน้ำมันเพราะกลัวโป๊ 555 สรุปเราก็เลยได้ลองนวดด้วยน้ำมันจากเทียนเป็นครั้งแรก ก่อนนวดจะต้องเซ็นเอกสารก่อนว่าแพ้อะไรรึเปล่า หลังจากนั้นพนักงานก็จะเอาน้ำลอยกลีบกุหลาบมาล้างเท้า ขัดเท้าด้วยมะกรูดก่อนเข้าห้องนวด กลิ่นมะกรูดสด หอมมมม สดชื่นมากๆ
เวลาที่คนนวดเค้าเอาน้ำมันจากเทียนอุ่นๆมาโดนผิวเรานี่ฟินเลยย ตอนแรกงงมากว่าทำไมเทียนไม่มีน้ำตาเทียนเหมือนเวลาที่ใช้จุดไหว้พระ ถามคนนวดเค้าบอกว่าอันนี้เป็นเทียนชนิดพิเศษสำหรับใช้นวดโดยเฉพาะ ไม่ใช่เทียนปกติ น้ำมันที่ออกมาก็จะบำรุงผิวด้วย นวดเสร็จผิวนุ่มเลย ตาลไม่ได้นวดก็เลยถ่ายรูปบรรยากาศมาให้ดูได้
เย็นนี้ตกลงกันแล้วว่าจะทานอาหารที่นี่เหมือนเดิม ไหนๆมาแล้วลองให้ครบ แต่วันนี้ขอพิเศษหน่อย จองอาหารเย็นไว้เป็นแบบ Candlelight dinner ทางโรงแรมเค้าจะทำซุ้มขึ้นมาให้สำหรับนั่งทานสองคนริมทะเล Dinner ในฝันเลยนะเนี่ย แบบว่าขอโรแมนติกบ้างอะไรบ้างนานๆที : ) อาหารสั่งเป็นแบบ Chef recommend เราจะไม่รู้เมนูล่วงหน้า เชฟเค้าจะจัดมาให้เลย ไม่รู้ชื่อว่าเมนูชื่ออะไรบ้าง ดูรูปละกันเนอะ ส่วนรสชาติเราว่าอร่อยทุกจานแต่ตาลบอกซุปเห็ดเค็มไปหน่อย ทานเสร็จแล้วก็เดินเล่นชายทะเลต่อเลย เอาไฟเย็นที่พกมาด้วยเล่นกันริมหาด วิ่งเล่นกันจนเหนื่อยแล้วก็กลับเข้าห้องไปอาบน้ำนอน
ลืมบอกไปว่า ถ้าใครชอบนอนแช่ฟองสบู่โทรบอก Butler ได้นะคะ เค้าจะส่งคนมาทำไว้ให้ ได้นอนแช่น้ำอุ่นๆในฟองสบู่ เป็นการคลายเส้นอย่างนึง แช่เสร็จขึ้นมาตัวเบา หลับสบายเลย
Day3
วันนี้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน 6 โมงเช้าเหมือนเดิม เพราะนัดใส่บาตรไว้ เดินไปถึงริมทะเลพระอาทิตย์กำลังขึ้นพอดี แสงสีทองตอนเช้าสวยงามเหมือนทุกวัน ชื่นชมกับธรรมชาติซักพัก ก็เห็นพระเริ่มออกเดินบิณฑบาตรแล้ว หลังจากใส่บาตรเสร็จ ขี้ม้าเล่นกันสักพัก ก็กลับเข้าวิลล่า ขอกระโดดว่ายน้ำในสระซัก10รอบ ให้รู้สึกเหมือนได้ออกกำลังกายซักหน่อย มีสระน้ำติดกับห้องนอนก็ดีแบบนี้ เปิดประตูมา โดดลงน้ำได้เลย หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ตาลโทรสั่งทานอาหารเช้าให้มาส่งวิลล่า วันนี้แพลนกันว่าช่วงเช้าพักผ่อนชิลๆอยู่ที่นี่ สายๆค่อยออกไปเที่ยวขี่ช้างที่ไร่องุ่น Hua Hin Hill Vineyard และช่วงบ่ายหลังจากไม่ร้อนมาก เราจะไปเล่นสวนน้ำที่ VanaNava กัน
หลังจากกลับจากสวนน้ำ ท้องก็ร้องจ๊อกๆได้เวลาทานข้าวอีกแล้วสิ มื้อนี้คงเป็นมื้อเย็นมื้อสุดท้ายที่หัวหินแล้ว ขอเลือกเป็น Seafood BBQ ละกัน ตั้งแต่มาทะเลจนจะกลับแล้วยังไม่กินอาหารทะเลเลย เลยขอปิดท้ายทริปนี้ให้ประทับใจด้วย Seafood และกุ้ง Lobster!! พูดเลยว่ามื้อนี้อิ่มจนพุงกาง อาหารทะเลสดอร่อย ยิ่งมีเชฟมายืนทำให้ด้วยแล้วยิ่งฟิน อาหารอร่อยกว่าเดิม5เท่า แฮ่ะๆงานมโนต้องมา ราคา Seafood ขึ้นอยู่กับอาหารที่เราเลือก ถ้าราคา 5000 บาทขึ้นไปเชฟจะมาcookให้ในวิลล่า
ตื่นเช้ามาอีกวันก็ได้เวลาเก็บกระเป๋าเตรียมกลับกรุงเทพแล้ว เวลาแห่งความสุขหมดเร็วจุงเบย ก่อนกลับว่าจะแวะไปเที่ยวน้ำตกป่าละอู ที่นี่เป็นน้ำตกที่ขึ้นชื่อของหัวหิน ก่อนหน้านี้ไม่รู้จักเลย เชยชะมัด ช่วงนี้น้ำเยอะด้วยน่าจะสวย เดี๋ยวต้องลองไปดู
สรุปภาพรวมของที่นี่ให้เป็นข้อๆนะคะ
-
บรรยากาศสงบเงียบ ได้ความเป็นส่วนตัวสูง
-
การออกแบบลงตัว ทั้งภายนอกและภายใน แบ่งสัดส่วนของห้องต่างๆทำให้รู้สึกไม่อึดอัด สบายตา ต้นไม้เยอะทำให้รู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ ยิ่งตรงมุมสระน้ำ Outdoor สวยมาก นั่งมองได้เพลินๆ ไม่เบื่อเลย
-
อาหารอร่อยมาก ทานแล้วรู้สึกได้ถึงความพิถีพิถันของเชฟ
-
เราว่าที่นี่จะใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่น ให้หมอนเยอะ ใช้สบู่ยาสระผมจากผลิตภัณฑ์ดีๆ(AIGNER)
ตอนบ่ายมีขนมมาให้ที่ห้อง ก่อนนอนก็มีช๊อคโกแลตมาวางให้ข้างเตียง
-
พนักงานสุภาพเรียบร้อย มีมารยาท
-
ช่วงที่ไปฝนจะตกปรอยๆทุกเย็น รู้สึกว่าพื้นไม้แถวๆห้องอาหารลื่นไปนิด ไม่รู้เพราะรองเท้าแตะที่ใส่วันนั้นดอกยางสึกรึเปล่า (รองเท้าแตะหรือล้อรถ!!555) ถ้ามีเด็กหรือผู้สูงอายุไปด้วยต้องระวังลื่นนิดนึง
-
ที่นี่มีต้นไม้เยอะมาก ตามทางก็จะเห็นพวกใส้เดือนอะไรพวกนี้ค่อนข้างเยอะ เดินก็ระวังเหยียบพวกมันหน่อย เราเดินอยู่ข้างสระน้ำOutdoor เจอจิ้งเหลนตัวอ้วนพีโผล่มาจ๊ะเอ๋ด้วย แต่ไม่ได้กลัวสัตว์พวกนี้อยู่แล้วเลยเฉยๆ
โดยรวมราคาที่นี่ก็ค่อนข้างสูง แต่ความสุขกับคุณภาพที่ได้ก็สูงเช่นกัน