top of page

JAPAN

Now I now why everyone love Japan . . . 
 
GENERAL :

 

ใครๆก็รักประเทศญี่ปุ่น พอได้มีโอกาสมาสัมผัสญี่ปุ่นด้วยตัวเองก็เลยเข้าใจละว่าเพราะอะไร…..

เริ่มจากความประทับใจแรก ผู้คนที่นั่นน่ารัก มีมารยาท นอบน้อมมาก เห็นได้ชัดตั้งแต่ลงเครื่องมาเลย อย่างตอนขึ้น Limousine bus จากสนามบินจะเข้าโตเกียว พอพนักงานปิดประตูเสร็จ เค้าก็บรรจงโค้งให้ผู้โดยสารอย่างสวยงาม เป็นภาพที่เห็นแล้วรู้สึกได้ถึงความมีมารยาทและวัฒนธรรมอันดีงามของเค้า….

 

ประทับใจที่สอง คืออาหาร อาจเป็นเพราะเราชอบอาหารญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมาเจอต้นตำรับเลยรู้สึกว่า ฮึ้ยย... อร่อยจุง อาหารอร่อยทุกอย่าง ราคาถูกกว่าที่ไทยด้วย ขนมก็อร่อย คือกินอะไรในญี่ปุ่นอร่อยหมดไม่ว่าจเป็น อาหาร ขนม น้ำ ขนาดของกินในเซเว่นยังอร่อย!! - -" ไม่ได้ตะกละนะ ออกตัวไว้ก่อนเบย มันอร่อยจิงๆ

 

ประทับใจที่สาม คือการ shopping ของที่ขายในญี่ปุ่น ทำไมมันน่ารัก กุ๊กกิ๊ก น่าซื้อไปหมดเลยก็ไม่รู้ เหมือนว่าชาวญี่ปุ่นเค้าพิถีพิถันกับทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ของใช้ เค้าทำออกมาน่ารักน่าซื้อ ตอนช๊อปขอให้ตั้งสติดีๆ ไม่งั้นคุณจะตังหมดโดยไม่รู้ตัว อิอิ

ประทับใจสุดท้าย ก็น่าจะเป็นความสวยงามของธรรมชาติของเค้า ตอนที่เราไปดูภูเขาไฟฟูจิที่ kawakuchiko lake ก็ชอบมาก ตอนที่ไปไปเดือนกันยายน อากาศเย็นกำลังดี ดีใจที่ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย บางคนมาก็ไม่ได้เจอนะ อันนี้ต้องลุ้นมากๆ เพราะฟูจิได้ชื่อว่าเป็นภูเขาไฟขี้อาย โผล่มาให้เห็นแป๊ปเดียว เมฆหมอกก็มาบังอีกละ

 

 

WHERE TO STAY :

 

ตอนอยู่โตเกียวเราพักที่โรงแรม E hotel Shinjuku ราคาคืนละประมาณ 3,000 กว่าบาท โรงแรมก็ไม่แย่นะ อาจเป็นเพราะเราเป็นคนง่ายๆอะไรก็ได้ มีที่ให้นอน ห้องน้ำสะอาดก็โอเคละ แต่พูดเลยว่าห้องเล็กมาก  คงเป็นเรื่องปกติของห้องพักในโรงแรมที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว เพราะประเทศเค้ามีพื้นที่จำกัด โรงแรมนี้ติดกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินชื่อ Higashi Shinjuku อยู่เส้น Oedo Line สายสีชมพู ก็ถือว่าสะดวกในระดับนึงในการเดินทาง เราว่าคุ้มสำหรับห้องพักราคาเท่านี้ ตอนไปฟูจิพักที่ Kawaguchiko Station Inn ที่พักใกล้ๆกับสถานีรถไฟเลย สะดวกเหมือนกัน คืนละ 2,500 บาท โดยประมาณ แต่ที่พักจะเก่าๆ โบราณๆนิดนึงนะ เราชอบเพราะอยากลองนอนแบบนี้อยู่แล้ว ในห้องเค้ามีเสื่อกับฟูกให้ปูนอน ได้อารมณ์ย้อนยุคมากๆ ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม แต่ช่วงที่ไปคนน้อยมาก เลยไม่รู้สึกลำบากอะไรเหมือนห้องน้ำส่วนตัวแหละแค่ไม่ได้อยู่ในห้อง นอน เดินสิบก้าวก็ถึงละ ที่นี่เค้าจะมี Onzen  ส่วนกลางให้แช่ด้วยนะ อยู่ชั้นบนสุด เรายังทำใจแช่รวมกับคนอื่นไม่ได้เลยอ่ะ มันเขิลลล แต่ไหนๆมาทั้งทีแล้ว เอาวะ แช่ๆไปแหละ ลองดู วันที่สองที่พักที่นี่เลยรีบตื่นแต่เช้าตรู่ แฮ่ ไม่มีคนเบย ดีจัง เลยได้โอกาสแอบถ่ายรูปมาให้ดูด้วยว่า Onzen ของที่นี่หน้าตาเป็นไง พอก้าวขาลงไปเท่านั้นแหละน้ำงี้ร้อนจี๋เลย ตัวแทบสุก เรานั่งแช่อยู่พักนึงก็คิดว่าพอละ เดี๋ยวจะเป็นลม ขึ้นมาตัวเบาเลย สบายมากๆ

 

FOOD :

อาหารการกินนี่ไม่ต้องพูดถึง ในความคิดเราไม่ว่าจะซื้อกินที่ไหนก็อร่อยไปหมดเลย แถมราคาก็ไม่แพง นี่มันสวรรค์ชัดๆ ผลไม้ก็เพียบ แต่มันจะมีร้านเด็ดๆที่ประทับใจคือร้านซูชิที่ขึ้นชื่อ Sushi Midori ในโตเกียว พูดเลยว่าฟินมากตอนกิน อร่อยยยย นุ่มลิ้น แต่รอคิวนานโคดดด ครั้งแรกไปยืนต่อแถวรอตั้งชั่วโมงนึงถึงจะได้กิน ครั้งที่สองฉลาดขึ้น ไปรับบัตรคิวแล้วไปเดินเล่นรอ ตอนนั้นเราไปคาเฟ่แมวรอ ไว้จะมารีวิวคาเฟ่แมวอีกที

 

PLACE TO VISIT :

1. Shimokitazawa แถบนี้ส่วนใหญ่เป็นร้านขายเสื้อผ้ามือสอง มีร้านดอกไม้และร้านเก๋ๆริมข้างทางเยอะ 

บรรยากาศที่นี่จะชิวๆ easy easy ผู้คนไม่เยอะมาก มีคนขี่จักรยาน ผู้ใหญ่จูงเด็กเดินเล่น ริมข้างทางขายขนม มีขนมอันนึงเป็นรูปปลาใส้ถั่วแดง (Japanese Sponge Cake) อร่อยดีนะ กรอบนอกนุ่มใน ถ้าเจอแวะชิมสิ

 

2. Shibuya มาโตเกียวแล้วห้ามพลาดจ้า ต้องมาถ่ายรูปกับทางม้าลายที่ 5 แยกชิบูย่า ที่นี่เป็นที่เลื่องลือถึงความสวยงามของ Pattern คนเดินข้ามถนน ยิ่งมองออกมาจากริมหน้าต่างชั้นสอง ร้านStarbuckตรงแยกนั้นนะ เพลินมากๆ แต่ต้องรีบไปเช้าหน่อยเพราะถ้าสายๆไปแล้วที่ริมหน้าต่างจะเต็มตลอดๆ

 

3.Meji Jingumae ศาลเจ้าแม่เมจิที่เลื่องชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ เดินไปแถวถนนฮาราจูกุไปเรื่อยๆ ดูป้ายเอาจะเจอทางเข้าเป็นซุ้มประตูไม้ใหญ่มาก สวย ดูขลังดี ทางเข้ากว่าจะถึงศาลไกลพอสมควร เดินเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ก็ไม่เหนื่อย เพราะสองข้างทางเป็นต้นไม้ใหญ่ตลอดสองฝั่งทางเดิน มีเสียงนกนานาชนิดร้องเต็มไปหมดอย่างกับเดินอยู่ในป่าแน่ะ ระหว่างทางจะมีภาพวาดเพื่อบอกประวัติความเป็นมา จะมีเหมือนถังไวน์สมัยโบราณหุ้มด้วยเชือกถักและวาดตราสัญลักษณ์ไว้เรียงกันเป็นร้อยใบดูอลังการเหมาะแก่การถ่ายรูปมากๆ

 

4.Cafeแมว ที่ญี่ปุ่นมีคาเฟ่แมวน่ารักๆเพียบ ถ้าใครรักแมวก็ควรไปลองซักครั้ง ตอนที่เราไปไปคาเฟ่แมวแถวๆชิบูย่า ให้สังเกตุตึกshibuya109 (ตึกนี้หาง่ายสุดๆอยู่ไม่ไกลจาก5แยกชิบูย่า) หันหน้าเข้าตึก เดินตรงขึ้นไปผ่านร้าน Uniqlo เลยไปนิดนึงจะเจอป้ายคาเฟ่แมว ต้องขึ้นไปชั้นสอง ไว้จะมารีวิวบรรยากาศอย่างละเอียดอีกทีนะคะ

 

5.วัดอาซากุสะ เป็นวัดที่เลืองชื่อมากเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ควรแวะมากราบขอพรเจ้าแม่กวนอิม และซื้อแมวนำโชคกลับไปบ้าน ได้ยินมาว่าบางคนขอพรกับแมวนำโชคก็ได้ตามที่ขอทุกที จนต้องกลับมาซื้อแมวเพิ่ม

 

6.Odaiba เป็นที่ๆมีหุ่นยนต์ยักษ์กันดั้มไว้ถ่ายรูปด้วย มีสะพานสายรุ้ง มีเทพีสันติภาพ และชิงช้าสวรรค์ใหญ่ๆ มันเดินถึงกันหมด ในความคิดเรามาตอนเย็นๆตอนที่พระอาทิตย์กำลังจะตก ไปจนถึงค่ำๆ จะสวยกว่ากลางวันนะ ถ้าจะมาเผื่อเวลาไว้เลยอย่างต่ำๆครึ่งวัน เพราะกว่าจะเดินทางจากโตเกียวมาที่นี่ก็น่าจะใช้เวลาเกือบชั่วโมงแล้ว มาแถวนี้แล้วรู้สึกว่าบรรยากาศใกล้เคียงกับเอเชียทีคที่บ้านเรามาก

 

7. ตลาดปลา Tsukijishiro ที่นี่สนุกดี วันไหนหาเวลาตื่นเช้าๆแล้วมาดูบรรยากาศก็ดีนะ เพราะเราไม่ค่อยเห็นอะไรแบบนี้ที่ไทย คนที่นี่ active กันมากๆ ขับรถขนปลาสวนไปสวนมา เดินกันขวักไขว่ พอเดินเข้าไปตลาดก็เห็น ปลา ปู กุ้ง หอย หน้าตาแปลกๆทั้งนั้นเลย อย่าไปเกะกะทางเค้าละกัน ด้านหน้าโซนที่มีร้านอาหารเยอะๆ ร้านไหนคนน้อยก็อาจไม่ค่อยอร่อย ต้องเสี่ยงเอา เพราะมีร้านนึงที่เราเข้าไปกินเนื่องจากขี้เกียจรอคิวกินร้านที่คนต่อแถวยาว กินเข้าไปคำแรกก็เข้าใจละว่าทำไมคนน้อย มันไม่ฟินเท่าไหร่อ่ะ ขนาดอยู่ตลาดปลานะ Salmon ยังไม่ค่อยสด สู้ร้าน Midori Sushi ตรง Shibuya ไม่ได้เบย

 

ACTIVITIES :

1. Shoppinggg  เราว่าทุกคนที่มาที่นี่ จะไม่สามารถต้านทานพลังงานบางอย่างของญี่ปุ่นได้ ไปครั้งนี้เราตั้งใจว่าจะไม่ช๊อปนะ ยังขนมาเพียบ!! คือของที่นี่มันน่ารัก น่าซื้อไปหมด ขนมก็น่ากิน อร่อยๆทั้งนั้น ถ้าเผลอลองชิมแล้วล่ะก้อ รับรองซื้อชัวร์ ชิมอะไรแล้วก็อร่อยทุกอย่าง ยังไงก็วางแผนการเงินไปดีๆนะจ๊ะ จะช๊อปเท่าไหร่จะซื้อของฝากเท่าไหร่ ขอให้โชคดี...อิอิ

 

2. เดินเล่นถ่ายรูป อย่าลืมไปถ่ายรูปตรงทางม้าลายที่ 5 แยกชิบูย่านะ จะได้เหมือนไปถึงแล้ว ถ่ายๆอยู่ก็ระวังรถ ตาเหลือบไปมองสัญญาณไฟด้วยนะจ๊ะ เดี๋ยวไฟเขียวแล้วไม่เห็น ยืนยิ้มอยู่ รถวิ่งมาแล้วจะงานเข้า มาตอนกลางวันแล้ว อย่าลืมมาตอนกลางคืนด้วยนะ บรรยากาศที่นี่ตอนกลางคืน มีแสงสี สวยกว่ากลางวันอีก

 

3. ไหว้พระ ที่นี่มีศาลเจ้า มีวัดศักดิ์สิทธิ์เยอะให้เราไปกราบไหว้ ขอพร เพื่อความเป็นศิริมงคล ถ้ามาแล้วควรไปค่ะ ดีกับชีวิต

 

4. กินของอร่อย พูดเลย ที่นี่เป็นเหมือนสวรรค์ เนื่องจากเรากับตาลชอบอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมื้อไหนๆ รู้สึกว่าอร่อยไปหมด เค้าจะมีรีวิวที่เด็ดๆไว้ในเนต ลองไปตระเวนหาลายแทงดู แล้วตามไปกินของอร่อยนะคะ รับรองฟิน!! กลับถึงไทยแล้วยังเพ้อ คิดถึงอาหารที่ญี่ปุ่นอยู่เลย ราคาถูกกว่ากินไทยด้วย 

 

5.ไปดูซูโม่ ตอนนั้นที่ไปบังเอิญโชคดี เป็นเทศกาลที่เค้ามีแข่งซูโม่กันพอดี เคยเห็นแต่ในทีวี พอได้มาดูของจริง รู้สึกชอบมากเลย สนุก ตื่นเต้น ยิ่งตอนคนในHall เฮพร้อมๆกันนี่ มันใช่เลย!! เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ เดี๋ยวจะหาเวลามารีวิวให้ละเอียดกว่านี้นะคะ 

 

ุ6.ไปดูภูเขาไฟฟูจิ สัญลักษณ์ของญี่ปุ่นเลยน๊า ต้องไปๆ ถ้าอยากเจอฟูจิแนะนำให้สวดมนต์ก่อนไป 555 เพราะว่ามันแล้วแต่โชคมากๆๆ บางคนไปหลายวันมองไม่เห็นฟูจิเลย เมฆหมอกมาบังหมด ก็ต้องรอลุ้นกันอย่างเดียว ตอนเราไปถึง มองแล้วมองอีกไม่โผล่มาซักที พอหมอกพ้นเท่านั้นแหละ กระโดดอย่างไว รีบคว้ากล้องไปถ่ายเลย กลัวเมฆลอยมาบังอีก แล้วก็จริงๆ มันโผล่มาไม่นานนะ แป๊ปเดียวเอง ถ้านาทีนั้นถ่ายรูปไม่ทันก็อดเลย 

 

TIPS :

1. ก่อนไปแนะนำให้ศึกษาเส้นทางไปให้ละเอียด หลงทางเป็นเรื่องธรรมดา แต่หลงบ่อยๆก็คงไม่สนุก

 

2. ตอนเราไปเป็นช่วงเดือนกันยายน อากาศกำลังดีเป็นช่วงปลายของหน้าร้อน อากาศไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป เค้าว่ากันว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่จะเริ่มฤดูมรสุม แต่ก็ไม่เจอพายุอะไรนะ มีฝนตกนิดๆหน่อยๆบ้างบางวัน โดยรวมอากาศโอเคเลย ที่พูดถึงเนี่ย เพราะจะบอกว่า ตอนไปตั้งใจว่าจะไปซื้อรองเท้าแตะเก๋ๆดูดีหน่อยเหมือนของเกาหลี เพราะเป็นคนชอบใส่แตะ ไม่ชอบใส่รองเท้าสูงๆ เชื่อป่ะ ไปทุกที่ ทุกห้าง ที่นี่ไม่มีขายรองเท้าแตะเลยยยย อะไรอ่ะ งง นี่ก็ไม่ใช่หน้าหนาวซักหน่อย สงสัยเค้าไม่ฮิตกันเนอะเพราะคนญี่ปุ่นตัวไม่สูงมาก เค้าคงชอบใส่บูท ใส่ส้นสูงมากกว่า ถ้าใครไปแล้วเจอ บอกพิกัดด้วยน๊าาา : )

 

3. ที่ญี่ปุ่นมักจะมีสถานีตำรวจย่อยๆใกล้ๆสถานีรถไฟ ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือของหายให้รีบไปติดต่อได้เลย หรือโทรหมายเลขฉุกเฉินของสถานีตำรวจที่ญี่ปุ่นกด 110 ไม่เสียค่าบริการค่ะ

 

BEWARE :

1. จะไปไหนให้ตรงต่อเวลา กะเวลาและดูตารางรถดีๆเพราะที่นี่รถไฟมาค่อนข้างเป๊ะมาก

 

2. สถานี Shinjuku เป็นสถานีปราบเซียน หลงอยู่ในนี้หลายที มันใหญ่มากกกก ในความคิดเรามันใหญ่เหมือนกับเอาสถานีหัวลำโพง 4 อันมาต่อกัน T T เตรียมพร้อมให้ดี!! Shinjuku คือ คำว่าหลงทางดีๆนั่นเอง

 

3. มีแถบนึงของ Shinjuku ส่วนบนๆ เค้าบอกว่าอันตราย ชื่อย่าน Kabukijo มันจะคล้ายๆพัฒพงศ์บ้านเรา สาวๆไม่ควรไป

 

4. ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เพราะฉะนั้นอย่าชะล่าใจค่ะ ถ้าเราถามคนที่เคยไปญี่ปุ่นทั่วไปหรือนักท่องเที่ยว ทุกคนก็จะบอกว่าที่ญี่ปุ่นดูปลอดภัยมาก ไม่น่าต้องกังวลเท่าไหร่ แม้กระทั่งเราเองยังคิดแบบนี้ แต่ถ้าถามคนญี่ปุ่น เค้าจะบอกให้ระวังตัวเพราะที่นี่เค้าก็มีเหตุ โจรปล้น ข่มขืน และทำร้ายร้างกายเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเที่ยวให้สนุกแต่ก็ต้องมีสตินะจ๊ะ : )

 

  • YouTube Basic Black
  • Instagram Basic Black
  • Facebook Basic Black
bottom of page