top of page

Korea I Fall for you 

ทริปเกาหลีครั้งนี้พูดเลยว่าไปแบบไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ลองเปิดคอมเช็คค่าตั๋วเล่นๆ พอเห็นตั๋วไม่แพงมีโปรโมชั่นอยู่ มือกดจองตั๋วเฉยเลย มันคงมีพลังงานบางอย่างทำให้เราควบคุมตัวเองไม่ได้ ฮ่าๆ ทริปนี้ก็เลยมีเวลา 4- 5 วัน ในการหาข้อมูลที่เที่ยวและเตรียมตัวก่อนไป ถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับทริปอื่นๆ

 

ตอนแรกเฉยๆกับเกาหลีนะ คิดว่าวันนึงจะต้องไปแหละ แต่ก็ผลัด ขอไปที่โน่นก่อนที่นี่ก่อน ไม่ได้ไปซักที จนมาครั้งนี้ได้ไปจริงๆ รู้สึกทุกอย่างดีแบบคาดไม่ถึง ชอบมากกก ชอบสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเมือง ผู้คน อาหาร แฟชั่น ของกิน หรืออาจเป็นเพราะว่าเราไม่ได้คาดหวังอะไรเลยด้วยมั๊ง อยากหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ อยากไปเจอเพื่อนเกาหลีก็แค่นั้น แต่พอทุกอย่างดี มันก็เลยประทับใจมากเป็นพิเศษ

 

เริ่มต้นรายละเอียดสำคัญๆตามลำดับนะคะ

 

ค่าตั๋ว : เราจองตั๋วไปสายการบิน Airasia X ไปกลับคนละ 8,000 นิดๆเอง ตั๋วโปรโมชั่น บวกค่าตั๋วจาก Seoulบินไปเกาะเชจูอีก ไปกลับคนละประมาณ 3,000 บาท เท่ากับทริปนี้ค่าตั๋วทั้งหมด รวมไปเกาะเชจูด้วย หมื่นนิดๆ ราคาน่ารัก ทำให้ยิ้มได้ ^^

 

ที่พัก : พักกับเพื่อนเกาหลีบางคืน และพักที่ Hello Stranger Guesthouse บางคืน (Double room คืนละ 1500 บาท นอนสองคนถือว่าราคาไม่แพงเลย ถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้รับจากที่นี่)

 

อากาศ : เราไปช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง 18 – 25 พฤศจิกายน อากาศหนาวกำลังดี ไม่ทรมานเหมือนตอนไปทริปนิวซีแลนด์

ที่สำคัญมองไปทางไหนก็สวยไปหมด อากาศเย็นๆ ใบไม้เป็นสีเหลือง บรรยากาศชวนให้มีความสุขจริงๆ

 

สกุลเงิน : 10000 วอน = ~304 บาท จำง่ายๆเลยเวลาซื้อของ 10000 วอน = 300 บาท / 1000 วอน = 30 บาท

 

ขอเริ่มรีวิวทริปเกาหลีจากที่พักก่อนเลย และตามด้วยเกาะเชจู เพราะหลายๆคนถามถึงรายละเอียด สองที่นี้ขอแยกไว้อีกหน้านึงเพราะรายละเอียดค่อนข้างเยอะ คลิ๊กที่รูปได้เลยค่ะ

Hello StrangerGuesthouse

Jeju Island

คราวนี้มาดูกันบ้างว่าใน Seoul มีอะไรน่าสนใจขอเริ่มต้นจาก Seoul Forest เลยละกัน จริงๆตอนแรกว่าจะไปเกาะนามิ ถ่ายรูปกับใบไม้เหลืองๆ แต่เท่าที่ดูรูปอัพเดท ใบไม้มันร่วงหมดแล้ว เลยเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นที่นี่ ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง : ) รายละเอียดตามนี้ค่ะ

 

SEOUL FOREST 

HOW TO GO : รถไฟสายเหลือง ลงสถานี Seoul Forest  Exit 3

 

มาถึงที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่เพราะกลัวคนเยอะ ตามทางมีใบไม้หล่นอยู่บนพื้นเต็มไปหมด สมกับเป็นฤดูใบไม้ร่วงจริงๆ : ) มาที่นี่เพลินกับการเล่นโยนใบไม้เล่นและถ่ายรูป โยนๆ หล่นใส่หัวใส่หน้าเต็มไปหมดเลย สนุกดี ไม่คิดอะไรมาก ได้เล่นอะไรบ๊องๆบ้างก็ผ่อนคลายดี ในชีวิตประจำวันคงไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ เราว่าที่นี่เหมือนป่าย่อมๆเลยนะ ต้นไม้เยอะมากจริงๆ ด้วยความเป็นคนที่ชอบธรรมชาติทั้งคู่ ให้เดินในนี้ทั้งวันก็ไม่เบื่อ สายๆหน่อยเริ่มมีครอบครัวพาลูกหลานมาเดินเล่น ขี่จักรยาน กางเต้นท์ ปูเสื่อปิคนิคกัน เป็นภาพที่เห็นแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ มันเป็นบรรยากาศที่สุดแสนจะชิลจริงๆ อยากมาเที่ยวที่นี่ทุกฤดูเลย

 

IWHA DONG MURAL VILLAGE 
HOW TO GO : รถไฟสายสีฟ้า ลงสถานี Hyehwa Station  Exit 2

 

ที่นี่คือหมู่บ้านภาพจิตรกรรมฝาผนังอีฮวา สมาคมศิลปะท้องถิ่นของที่นี่ได้ตั้งโปรเจ็คนักซานขึ้นเมื่อปี 2006 เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านอีฮวาให้ดียิ่งขึ้น โดยให้ศิลปิน 60 คนช่วยกันวาดภาพที่ผนัง ที่นี่เลยกลายเป็นที่ยอดฮิตที่หลายๆคนชอบมาเดินเล่น ทางขึ้นจะเป็นเนินเขา กว่าจะไปถึงก็เหนื่อยพอสมควร แต่คุ้มค่ากับการได้เดินชมศิลปะต่างๆ ที่ชอบที่สุดคือ บันไดปลาคร๊าฟสีน้ำเงิน สวยเท่ สีสันลงตัวมากๆ

 

HONGDAE

HOW TO GO : รถไฟสายสีเขียว ลงสถานี Hongik Univ  Exit 8

 

ฮงแดคือแหล่งฮิปๆที่วัยรุ่นเค้ามาเดินเที่ยวกัน วันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์พอดี ตกใจมาก คนเต็มถนน มีวัยรุ่นเกาหลีออกมาเต้นเต็มเลย อารมณ์เหมือนจัตุจักรกับข้าวสารผสมกัน มีร้านเสื้อผ้าตลอดสองข้างทาง มีของกินแปลกๆขายริมถนน ร้านอาหารก็เยอะ โดยรวมชอบที่นี่ที่สุดสำหรับการช๊อปปิ้ง สนุกและมีสีสัน มาซ้ำสองวันเลย ข้อเสียคือ เราอาจเสียตังหนักมากโดยไม่รู้ตัว T T

 

FREE MARKET

HOW TO GO : รถไฟสายสีเขียว ลงสถานี Hongik Univ  Exit 8

 

ปกติที่เมืองนอกเค้าเรียกตลาดนัดวันหยุดว่า Flea Market แต่ที่เกาหลีทำไมเค้าถึงเรียก Free Marketก็ไม่รู้ ตลาดนี้อยู่ตรงสนามเด็กเล่นไม่ไกลจากฮงเด วัยรุ่นเกาหลีเค้าจะเอางานฝีมือ + ของเก๋ๆมาขายเต็มเลย ที่น่ารักที่สุดคือมีศิลปินมานั่งเพ้นท์รูปเหมือนเวอร์ชั่นการ์ตูน ดูเค้าตั้งใจวาดกันมากๆ ถ้าอยากสัมผัสกับความเป็น Local ให้มาเดินเล่นที่นี่ของแปลกๆเพียบ คำเตือน : ควรช๊อปอย่างมีสติ : )

MYEONGDONG

HOW TO GO: รถไฟสายสีฟ้า ลงสถานี Myeondon  Exit 5,6

 

ที่นี่ของกินเยอะละลานตามาก ร้านช๊อปปิ้งก็เพียบ มีตลอดสองข้างทาง อารมณ์เหมือนสยามกับเยาวราชผสมกัน เดินไปกินไป รวมๆแล้วค่าอาหารแพงกว่าไปกินที่ร้านอีก ฮืออ แต่ต้องยอมรับว่าอร่อยจิง อันโน้นก็น่ากิน อันนี้ก็น่ากิน ไหนๆมาแล้วต้องลองให้หมด ที่สำคัญคนเกาหลีตกแต่งร้านของตัวเองได้เก๋มาก พยายามหาโน่นหานี่มาประดับให้ร้านตัวเองเด่น จะได้ดึงดูดความสนใจจากคนที่เดินผ่านไปมา ดูรูปแรกสิ ยอมใจเจ๊แกมาก ทั้งปูทั้งปลาหมึกห้อยเต็มรถเข็นเลย อลังการงานซีฟู๊ต 

DONGDAEMUN DESIGN PLAZA (DDP)

HOW TO GO : รถไฟสายสีเขียว ลงสถานี Dongdaemun History & Culture Park  Exit1

 

ตอนไปถึงที่นี่ฟ้าก็มืดแล้ว แต่เค้าว่ากันว่า DDP ตอนกลางคืนจะสวยกว่ากลางวันนะ แล้วแต่คนชอบ ดีใจที่ได้มา เพราะอยากดูสถาปัตยกรรมเท่ๆของ Zaha Hadid สถาปนิกสาวชาวอิรัก-อังกฤษ ได้เห็นของจริงซักที อินทีเรียอย่างพวกเราฟินมาก ตึกช๊อปปิ้งอะไรที่เค้าไปกัน ไม่ได้เข้าเลย อ่อ แล้วที่นี่ก็มีดอกไม้เรืองแสงตอนกลางคืนด้วย เป็นไฟ LEDทำเป็นรูปดอกกุหลาบ ถ่ายรูปออกมาแล้วฟรุ้งฟริ้งมาก 

COMMON GROUND 

HOW TO GO : รถไฟสายสีเขียว ลงสถานี Konkuk Univ  Exit6

 

ที่นี่คือแหล่งช๊อปปิ้งที่กำลังฮิตค่ะ เป็นตลาดตู้คอนเทนเนอร์สีน้ำเงิน ข้างในมีร้านเก๋ๆเยอะแยะมากมาย ทำออกมาให้ได้อารมณ์ Street Market ถูกใจขาช๊อปแน่นอน มีทั้งน้ำหอม เครื่องเขียน ของกระจุกกระจิก แต่ที่เยอะที่สุดก็น่าจะเป็นพวกเสื้อผ้าแฟชั่นทั้งของผู้หญิงและผ้ชาย พูดเลยว่า มาช๊อปที่เกาหลี สติเป็นเรื่องสำคัญเพราะของล่อตาล่อใจเยอะมากๆ  ตอนที่เราไปโชคดีเจอจังหวะที่เค้าจัดนิทรรศการ Antarctica Penquins Flying อยู่พอดี มีตุ๊กตาเพนกวิ้นวางไว้เป็นพันๆตัวเลย ใครเดินผ่านก็ต้องแวะไปถ่ายรูปเพราะมันน่ารักเกินห้ามใจ 

EWHA WOMANS UNIVERSITY

HOW TO GO : รถไฟสายสีเขียว ลงสถานี Ewha Women Univ  Exit2

 

ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยหญิงที่สวย คลาสสิค และบรรยากาศดีมาก พอดีผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะลงมาดูซักหน่อย มาเดินเล่นถ่ายรูปเพลินๆก็คุ้มแล้ว เห็นนักศึกษาเค้าเดินไปเดินมา ก็นึกไปถึงสมัยเรียนเอแบค เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ - -"

ขอบคุณที่ติดตามอ่านจบจบนะคะ สรุปแล้วเกาหลีก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าไป มีอะไรสวยๆน่ารักๆให้เราค้นหาไม่แพ้ญี่ปุ่นเลย ตั้งใจไว้ว่าถ้ามีโอกาสจะไปตอนที่ดอกซากุระบาน คงจะสวยไปอีกแบบ นี่พยายามลงข้อมูลให้ครบเท่าที่พอจะนึกออก ถ้ามีคำถามอะไรอย่างอื่นที่อยากรู้ส่งมาถามใน Inboxได้เลยนะ ถ้าตอบได้จะตอบให้แน่นอน  : )

bottom of page