ไหนๆมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วก็อยากจะพาพ่อกับแม่เปลี่ยนบรรยากาศจากแสงสีในเมืองโตเกียว ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ริมทะเลสาบคาวากุชิโกะบ้าง ลุ้นมาก ว่ารอบนี้จะได้เจอกับภูเขาไฟฟูจิขี้อายรึเปล่า มีคนบอกว่าในแต่ละวันมีโอกาสแค่ 30% เท่านั้นที่จะเห็นฟูจิ หืมม… ต้องหาทางช่วยโดยการสวดมนต์เยอะๆก่อนไปสินะ 5555
After a few days in Tokyo, we then headed to Kawaguchiko to unwind and get close to the nature, and especially to the notoriously shy Fujisan. The probability to actually see the mountain top lies between 20-30%. We had to pray hard before we go…lol, in the hope of seeing it in full glory.
จริงๆถ้าไปเที่ยวกันเองคงไม่ได้ซีเรียสกับที่พักเท่าไหร่ แต่พาผู้ใหญ่มาด้วย คิดเยอะมากเลย อยากเลือกที่พักดีที่สุด อยากให้พ่อกับแม่ได้พักที่สวยๆแบบที่เห็นฟูจิชัดๆ หาอยู่นานมากก็มาถูกใจ HOSHINOYA อีกแล้ว ที่ HOSHINOYA Fuji โดดเด่นกว่าที่อื่นๆเพราะว่า
1. คอนเซ็ปต์ Glamping ซึ่งเก๋มากก มาจาก Camping + Glamourous = การแคมป์ปิ้งแบบหรูหรามีสไตล์ ด้วยคอนเซปต์นี้เลย ทำให้ที่นี่แตกต่างและดูมีอะไรกว่าที่พักอื่นๆ อยู่ที่นี่ิอารมณ์จะเหมือนมาตั้งแคมป์ในป่าแต่มีความสะดวกสบายครบครัน
I went through lists of best hotels, compared and chose carefully because I wanted my parents to have great time and enjoy the most, most of all, to get up-close and personal to Mt. Fuji.
And again, HOSHINOYA came top of the lists. I decided on staying at HOSHINOYA Fuji because I love the “Glamping” concept. The word Glamping derived from ‘glamorous + camping’; camping in nature while enjoying the comfort, luxurious facilities. This make Hoshinoya Fuji differs from other places.
2. เห็นฟูจิจากห้องนอนทุกห้องเลย เลิศมากกกก ฟินมากก ในห้องนอนจะเป็นทรงยาวๆ ตกแต่งแบบเรียบง่าย Minimal มีของใช้ที่จำเป็นทุกอย่างเตรียมให้ครบ มีระเบียงให้นั่งชิลมองฟูจิแบบเต็มอิ่มทั้งวันทั้งคืน
Fuji is front and center for every cabin! The interior is modern and minimal yet equipped with all amenities. The private balcony is a perfect spot to chill and enjoy the view.
3. อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีต้นไม้อยู่รอบตัวเราเต็มไปหมดเลย มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียว รู้เลยว่าอากาศตรงนี้บริสุทธิ์มาก เพราะเวลาสูดหายใจรู้สึกสดชื่น ชอบที่มีเสียงนกร้องคลอเบาๆตลอดเวลา พ่อกับแม่ชอบที่นี่มากเค้าบอกว่าเหมือนได้มาฟอกปอด เป็นการเที่ยวแบบธรรมชาติบำบัดที่แท้จริง
Surrounded by nature. Fresh mountain air, the forest greenery, the chirping of birds is truly nature therapy. My parents really had great time.
4. อาหารอร่อย พิถีพิถัน ตอนเช้าจะมีอาหารเช้าเป็น Morning box มาเสิร์ฟที่ห้อง ให้นั่งทานอาหารเช้าพร้อมทั้งมองภูเขาฟูจิไปด้วย ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติแบบเต็มที่ ตอนบ่ายก็มี Afternoon tea พร้อมขนมต่างๆให้ อาหารเย็นที่นี่ก็ดีงาม อร่อยและจัดจานมาให้สวยงามตามเคย
Food was extraordinary. The Morning Box breakfast served in room so we wouldn’t miss an opportunity to gaze upon Mt. Fuji. Afternoon tea is available at the library café. Dinner is well presented and fantastic as usual.
5. เดินจากที่พัก 10 นาทีก็ถึงริมทะเลสาบเลย สะดวกมาก ในรีสอร์ทมีกิจกรรมอะไรให้ทำเยอะมาก แต่ถ้าเราอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็เดินไปริมทะเลสาบ วิวตรงนี้ก็สวยมากๆเหมือนกัน แนะนำให้ตื่นเช้าไปพายเรือในทะเลสาบ ในขณะที่ไม้พายกระทบผิวน้ำ ตาก็มองภูเขาไฟฟูจิไปด้วย ความสวยงามอลังการที่อยู่ตรงหน้ามันทำให้รู้สึกดีมาก ขอบคุณๆๆที่พาตัวเองและครอบครัวมาที่นี่ เอาเป็นว่าการได้มาพักที่นี่ซักครั้งจะเป็นประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิตที่ดีที่สุดเลยล่ะ
10-minute-walk to Kawaguchi Lake. There’re many activities in the resort and outside. I would highly recommend to book for early morning canoeing. The tranquility of the lake and the majestic view of Mt. Fuji are overwhelming. I thank myself million times for bringing myself and my parents here.
การเดินทาง
เราเลือกนั่งบัสไปที่สถานีคาวากูชิโกะเลยเพราะนั่งต่อเดียวและน่าจะเป็นทางที่สะดวกที่สุดแล้ว จองตั๋วออนไลน์ได้ที่ลิ้งค์นี้นะคะ www.highwaybus.com ค่ารถต่อคน 1750Y พอมาถึงสถานีก็นั่งแท๊กซี่ต่อไปที่รีสอร์ทได้เลย ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ค่ารถก็ราวๆ 3000Y
ไปถึงปุ๊ปเราจะเจอกับ Reception ก่อน ตรงนี้ก็จะเป็นจุด Check in เค้าจะให้เราเลือกกระเป๋าเป้เพื่อใช้ระหว่างอยู่ที่นี่ แอบมีกิมมิคน่ารักๆนะ ชอบๆ ในเป้ก็จะมีของใช้จำเป็นต่างๆเช่น ไฟฉายคาดหัว สเปร์กันยุง คุ้กกี้ต่างๆ ขวดน้ำพกพา ขวดน้ำเอากลับบ้านเป็นที่ระลึกได้เลย แต่เป้ต้องคืนนะค๊า จากตรงนี้พนักงานก็จะพาไปยังที่พัก นั่งรถไปแป๊ปเดียวก็ถึง
Getting there:
We took a bus directly from Tokyo to Kawaguchiko which is the easiest way. The bus costs 1750Yen per person. Click here for more details www.highwaybus.com
Then took a taxi from Kawaguchiko bus station to the resort which took about 10-15 mins (3000Yen)
At the reception each of us was provided a backpack which contained glamping essentials like a head torch, insects repellent, cookies and water. Then we got on a Jeep to our cabin.
ห้องนอนตกแต่งได้เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์มาก จุดเด่นก็คือภูเขาไฟฟูจิที่เด่นเป็นสง่าอยู่นอกระเบียง ไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะได้นั่งมอง นอนมองฟูจิให้หนำใจจากในห้องเลยหรอเนี่ย วู้ววว : ))
The cozy, modern and minimalist style cabin with a panoramic view of Mt. Fuji offered from the floor-to-ceiling window.
ห้องน้ำกับห้องอาบน้ำแยกกัน มีอ่างให้นอนแช่ด้วย ทุกอย่างดูสวยงาม โมเดิร์นและสะอาดสะอ้านมาก มีลำโพงให้เราเปิดเพลงโปรดลิ้งค์จากมือถือได้เลย เสียงเพลงสร้างบรรยากาศได้ดีจริงๆ
Separate bathroom with a bathtub, plus, a Bluetooth speaker.
Cloud Terrace อยู่ห่างจากห้องนอนประมาณ 10 นาทีได้ ต้องเดินขึ้นเนินไปนิดนึง กว่าจะถึงเล่นเอาหอบไปเหมือนกัน แต่ระหว่างทางก็จะผ่านต้นไม้สูงเยอะแยะเต็มไปหมด อากาศดีมาก มีเสียงนกร้องตลอดทาง ถ้าคิดว่ามาออกกำลังกายกลางป่าก็จะเหนื่อยน้อยลง 555
We took a little walk to the Cloud Terrace which located in the forest and really nice. The weather was fantastic.
ตรงนี้เป็นที่นั่งเล่นนอนเล่นของแขกที่มาพัก มีมุมให้เลือกเยอะมาก ทั้งเต้นท์ ทั้งเก้าอี้ มีเปลผูกไว้กับต้นไม้ด้วย มานอนอ่านหนังสือเล่มโปรดตรงนี้ก็เป็นไอเดียที่ดี เสียงเพลงคลอเบาๆกับเสียงนกร้อง และกลิ่นของธรรมชาติทำให้ที่นี่เป็นเหมือนกับสวรรค์ ทั้งสบายและสงบ อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้นานๆจัง
It’s a nice area to sit back and relax. There are tents, camping chairs, and hammocks. I wished this heavenly moment lasted forever.
ที่นี่จะมีกองไฟเล็กๆก่อไว้ให้ความอบอุ่นตลอดเวลา ถึงจะเป็นหน้าร้อน แต่กลางป่าที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้แบบนี้ก็ยังคงมีไอเย็นๆอยู่ดี ทุกอย่างคือดีและลงตัวมากๆ ใครหาที่สงบๆอยากมาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ และอยากได้ฟิลแคมป์ปิ้งนิดๆ ที่นี่คือคำตอบที่ีดีที่สุดเลย อ่อ ลืมบอกว่าเค้ามีกิจกรรมสอนผ่าฟืนให้แขกที่มาพักด้วยนะ ซักครั้งต้องลองดู 5555
The bonfire was always lit up not only to create the camping atmosphere but even in summer the weather in the mountain was fairly cool.
Another activity you can try is wood-chopping. The glamping master will teach you how to do, so no worries :-)
บรรยากาศตอนเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะตกโรแมนติคมากๆ เรายืนมองวิวจากในห้องเพลินเลย แล้วนึกขึ้นได้ว่าอยากไปแถวริมทะเลสาบมั่ง ก็เลยเดินลงไปจากที่พัก วิวตรงนี้ก็สวยเหมือนกัน มีทุ่งหญ้าฮิปเตอร์สีซีดๆด้วย ใครชอบถ่ายรูปก็คงได้รูปเยอะจากมุมแถวนี้
We enjoyed watching romantic and gorgeous sunset from the room. Later, we walked to the lake which was also amazingly beautiful.
อาหารเย็นที่นี่มีหลายแบบ เราเลือกแบบ Dutch Oven Dinner เชฟก็จะเตรียมอาหารไว้ให้บนโต๊ะ จัดไว้อย่างสวยงาม มื้อนี้เหมือนเป็นมื้อพิเศษ เป็นมื้อที่อยู่ท่ามกลางป่าเขา บรรยากาศมันได้มากๆเลย อากาศหนาวๆ จิบไวน์แดงกับอาหารอร่อยๆแบบนี้ เสียงจิ้งหรีดเรไร กลิ่นของธรรมชาติทำให้อาหารอร่อยขึ้นเยอะ เป็นครั้งแรกที่ได้ชิมเนื้อกวาง ตอนแรกไม่กล้าลอง เชฟบอกลองสิๆ ที่นี่เนื้อกวางอร่อยมาก งื้อออ ลองชิมดู เนื้อมันก็นุ่ม อร่อยดีเหมือนกันนะ 5555
We opted for Dutch Oven Dinner and it was a wonderful experience. Outside amongst the trees, the chef helped preparing the ingredients and we got the chance to cook by ourselves. The food was delicious and accompanied by a good selection of local wines. This was also my first time to try deer meat and turned out it wasn’t bad at all.
ช่วงค่ำก็จะมีหนังกลางแปลงฉาย มีเพลงบรรเลงจากกีต้าร์ที่โคดดดเพราะ เป็นช่วงเวลาที่สะกดใจมากๆ อยากให้ได้ยินด้วยกันจังเลย นึกตามนะ ตอนนี้เราอยู่ในป่าที่มีต้นไม้สูงๆล้อมรอบ มีกองไฟอยู่ตรงกลาง มองขึ้นไปเห็นดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ท่ามกลางอากาศหนาวๆ และเสียงจิ้งหรีด ก็มีเสียงเพลงบรรเลงกีต้าร์บรรเลงขับกล่อม เค้าเล่นเพลงอะไรไม่รู้นะ แต่มันเพราะมาก เพราะจนอยากจะร้องไห้ ไม่อยากกลับเลยยย ใครมาพักที่นี่อย่าพลาด Forest Concert นะคะ เค้าจะมีช่วง 3 ทุ่ม-3ทุ่มครึ่ง มัน ดี มาก จริงๆ
At night you can watch a film outdoors or enjoy nighttime concert during 9.00-9.30pm. This is something you shouldn’t be missed.
Imagine this; we were sitting at a campfire amongst the forest, gazing up dark blue sky filled with stars. A musician played magical and beautiful music on the guitar. Hmm….I wished I could stay here forever!
ตอนกลางคืนพนักงานก็จะจุดไฟตรงระเบียงให้ทุกห้องแบบนี้ เวลาหนาวๆก็มาใกล้ๆไฟ ทำให้อบอุ่นขึ้นหน่อย
A small fireplace in the balcony was lit up in the evening keeping us warm while chilling out at night.
ตื่นเช้าขึ้นมาสิ่งแรกที่ทำคือรีบมองออกไปนอกหน้าต่าง ลุ้นว่าจะเห็นฟูจิอีกมั๊ยวันนี้ เฮ้!! ฟูจิยังอยู่ ดีใจที่สุดเลย อยากจะตื่นเช้ามาแล้วเห็นวิวแบบนี้ทุกวันจัง ^^ เอ๊ะ วันนี้ฟูจิดูแปลกไปนิดนึง นางใส่หมวกด้วย 55555 So cute หลงเสน่ห์ฟูจิเข้าให้แล้วมั๊ยล่ะ
First thing in the morning, I checked out at the window if Fujisan was visible. I wished I woke up to this view every morning.
พอถึงเวลาอาหารเช้า Morning Box ก็มาเสิร์ฟในห้อง มีขนมปังอร่อยๆ เนย แยม โยเกิร์ตแบบ Homemade ซุป อาหย่อยยยย และเป็นมื้อเช้าที่พิเศษมาก กินคำนึงก็ยิ้มให้ฟูจิทีนึง ถ่ายรูปอีกแช๊ะนึง 5555
Delivered to our room, the Morning Box includes freshly baked breads, yoghurts, soup, local juices and jams. We had breakfast while admiring Mt. Fuji, and took many photos. It was undoubtedly an excellent way to start the day.
หลังจากอิ่มแล้วก็เดินไปนั่งเล่นที่ Cloud Terrace จิบชา ผิงไฟ ถ่ายรูปเล่นและแล้วก็ได้เวลาพายเรือค่าาา
We walked to the Cloud Terrace, had a cup of tea, then time for canoeing!
ที่โรงแรมบอกว่าตามหลักแล้วต้องพายตอนเช้า แต่ตอนเช้าเต็มเราเลยพายตอนสายแทน ตอนอยู่ตรงนั้นแล้วรู้สึกเหมือนเข้าโรงหนังแล้วนั่งแถวหน้า ทำไมฟูจิมันใหญ่ขนาดนี้ 55555 โอ๊ย เต็มตาทะลุจอมากเลย คือฟินมาก ใกล้มาก พายผิดพายถูก ผลัดกันพายไปมา ผลัดกันถ่ายรูป อ้าว ไหงกลายเป็นพายถอยหลังไปได้อะ ตลกชะมัด
The perfect time for canoeing is usually early in the morning but it was fully booked that day so we did it a bit late. While sitting in the canoe, I felt like I was sitting in the front row of movie theatre where the screen was replaced by Mt. Fuji. Seeing Mt. Fuji from up close was breath-taking and incredible. We took turns paddling and taking photos. Somehow the canoe was going backward lol.
หลังจากนี้ก็ถึงเวลาเช็คเอ้าท์ต้องนั่งรถบัสกลับโตเกียวแล้วล่ะ อยากงอแงไม่อยากกลับๆๆ เอ๊ะ หรือมาสมัครงานที่นี่ดีนะ 5555 คิดถึงที่นี่มากจริงๆ แค่ 2วัน 1คืน เหมือนอยู่นานมาก ประทับใจมาก และก็รู้สึกขอบคุณฟูจิที่ไม่หนีไปไหน อยู่ด้วยกันตลอดสองวันเลย มีความสุขมาก : )
ใครสนใจจะมาพักที่นี่ ลองดูรายละเอียดได้ที่ www.hoshinoya.com นะคะ
Sadly it was time to check out and head back to Tokyo. I really didn’t want to go back and even thought of getting a job here LOL.
Thank you Fujisan for not being too shy during our stay. It was an incomparable and unforgettable experience. If you need more info go to www.hoshinoya.com