ทริปนี้เริ่มต้นจากความที่อากาศมันร้อนมาก ร้อนจนอยากกระโดดไปแช่น้ำ อยากดำผุดดำว่ายในทะเลเล่นให้สมใจ ไม่รู้ทำไมนึกถึงทะเลแล้วภูเก็ตอยู่ในหัวเป็นที่แรกเลย ช่วงที่วางแผนจะไปคือเดือนพฤษภาคม ช่วงเวลานี้เป็นโค้งสุดท้ายก่อนจะเข้าหน้ามรสุมแล้วด้วย เกาะต่างๆก็กำลังทยอยปิด ถ้าช้ากว่านี้ก็จะอดแล้ว ตัดสินใจได้ปุ๊ปว่าไปภูเก็ตแน่ๆก็ไม่รีรอรีบจองตั๋วเลย
ทริปนี้แพลนว่าจะไปภูเก็ตทั้งหมด 5 คืน 6 วัน โดยเลือกไปพักที่รีสอร์ท 3 ที่ แต่ละที่บรรยากาศต่างกันหมด จะได้มารีวิวให้แฟนเพจรู้ด้วยว่าที่ไหนเป็นยังไงมั่ง แค่คิดก็สนุกล้าววว ^^
แผนการเดินทางเป็นแบบนี้
Day1 Flight ออกจากกรุงเทพ 9.30AM ถึงสนามบินภูเก็ต 10.50AM เช่ารถ Thai Rent Car / Check in Dream Phuket Hotel& Spa
Day2 ลงเรือ Posh Escape Sunset Cruise กับ Discover Catamaran
Day3 ดำน้ำ เกาะราชา ไม้ท่อน กับ Love Andaman / Check in Sripanwa
Day4 นั่งเล่น นอนเล่น Sripanwa
Day5 Phuket Old Town / Check in Anantara Mai kao Phuket Villas
Day6 ขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ 3.25PM
หลังจากลงเครื่องแล้วก็ไปรับรถเลย จองรถไว้ตั้งแต่ตอนซื้อตั๋วนกแอร์ในเนต ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับคนละพันกว่าบาท ลองเช็คราคาตั๋วเครื่องบินนกแอร์ราคาประหยัดกับ https://www.traveloka.com/th-th/nok-air แถมจองผ่านแอปยังได้ราคาถูกกว่าและมีโปรออกมาเรื่อยๆ ส่วนค่ารถตกวันละประมาณ 700 บาท ไม่รวมค่าน้ำมัน ราคาขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นในแต่ละช่วงนะคะ แต่จากประสบการณ์เราว่าเช่ารถคุ้มกว่า เพราะถ้าไม่เช่ารถ ไปไหนมาไหนในภูเก็ตแต่ละทีค่ารถก็หลายร้อย
พอขึ้นรถปุ๊ปก็เปิด GPS ให้นำทางมาที่โรงแรม Dream Phuket Hotel & Spa ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง
ที่ตัดสินใจเลือกโรงแรมนี้ เพราะเห็นว่าเพิ่งเปิดใหม่ไม่กี่เดือน คนยังมาไม่เยอะมาก รูปในเวปสวย ตกแต่งแบบเรียบง่าย ห้องขาวๆ ดูโมเดิร์น อยากไปเห็นของจริงว่าจะเป็นยังไง
ไปถึงปุ๊ปก็เช็คอินก่อนเป็นอย่างแรก เดินเข้าไป ความรู้สึกแรกก็ชอบเลยนะ รู้สึกได้ถึงความเท่ ความหรู และความ Trendy ผสมผสานกัน บรรยากาศดี พนักงานก็ยิ้มแย้มแจ่มใส น่ารัก
พอเปิดประตูเข้าไปในห้อง………… อึ้งกับความสวยยยย แต่ก็เก็บอาการ ได้แต่ส่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปให้ตาล ตาลก็ยิ้มแก้มปริพอกัน พนักงานก็จะแนะนำว่า มีอุปกรณ์อะไรอยู่ตรงไหนมั่ง พออยู่สองคนในห้องเท่านั้นแหละ กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ สวยๆๆ อยากมีบ้านแบบนี้จังเลย ตรงนี้มีอ่างน้ำในห้อง สระตรงระเบียงก็น่าเล่น บลาๆๆ ชอบไปหมด นี่คืออาการแรกเริ่มเวลามาเที่ยวแล้วเจอที่ๆถูกใจ ชอบความเรียบง่าย ดูดี มีดีไซน์ สะอาดสะอ้าน ที่สำคัญทุกอย่างดูใหม่มากเพราะเพิ่งเปิดไม่กี่เดือน ในห้องมีครบทุกอย่าง แม้กระทั่งเตาทำอาหารยังมีเลย เหมาะมาปาร์ตี้กับเพื่อนสนุกๆ
วันนี้คงไม่ออกไปไหนแล้ว อยู่เล่นที่นี่แหละ เริ่มต้นจากลงไปว่ายน้ำข้างล่าง และนอนเล่นตรงศาลาสวยๆนั่นตามที่ตั้งใจไว้ บริเวณสระน้ำข้างล่างนี้บรรยากาศดี รื่นรมณ์มาก มีBarในสระ มีจากุซซี่ ตอนนี้อารมณ์ดีสุดๆ ได้ลงไปว่ายน้ำเล่น เย็นสบาย นอนทอดอารมณ์จนหายเหนื่อยจากการเดินทาง แล้วก็นึกได้ว่า หิว!! คือตื่นเต้นมากจนลืมทานข้าวเที่ยง 55555 มองนาฬิกานี่ก็บ่ายแก่ๆแล้ว ได้เวลาหาอะไรลงท้องแล้วล่ะ ไปถึงห้อง ก่อนจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไหนๆก็ตัวเปียกแล้วขอโดดลงไปเล่นในสระว่ายน้ำตรงระเบียงแป๊ปนึง คาดว่าทริปนี้ต้องมีตัวเปื่อย เพราะเจอน้ำที่ไหนก็อยากกระโดดลงไปเล่นหมด
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ดูนาฬิกาแล้วตอนนี้ก็เกือบจะบ่าย3 พวกเราก็แบกท้องที่หิวโหยไปที่ร้านอาหารด้านล่าง พิซซ่าร้อนๆเวลาหิวนี่มันดีจริงๆ ห้องอาหารที่นี่ตกแต่ง Concept เดียวกับโซนอื่นๆ คือมีลูกเล่นซ่อนไฟที่ฝ้า ด้วยรูปทรงและการตกแต่งต่างๆ ทำให้รู้สึกถึงความสนุกและความสวยหรูในเวลาเดียวกัน หลังจากท้องอิ่มก็เดินย่อยดูบรรยากาศบริเวณรอบๆ แล้วก็ไปหน้าโรงแรมเรียกรถของโรงแรมให้พาไป Dream Beach
ที่ Dream Phuket Hotel & Spaไม่ได้อยู่ติดหาด แต่มี Dream Beach ส่วนตัวจะมีรถจากโรงแรมคอยรับส่งตลอด นั่งบนรถ 5 นาทีถึง
แค่เดินเข้าไปเท่านั้นแหละ เหมือนหลุดเข้ามาอยู่อีกโลกนึง เสียงเพลงดังคึกคัก จังหวะสนุกๆ ขาที่กำลังเดินๆอยู่ เกือบจะออกสเต็ปโดยไม่รู้ตัว 555 ร่มชายหาดสีเหลืองสดใส เข้ากับบรรยากาศมากๆ มองไปรอบๆแทบไม่เห็นคนไทย มีแต่ฝรั่ง นึกว่าอยู่ Miami อาจเป็นเพราะว่าโรงแรมนี้เป็นอีกสาขานึงที่มาจากนิวยอร์ค โรงแรมในเครือ Dream จะขึ้นชื่อในเรื่องของ Luxury Trendy และ Party เป็นที่นิยมของคนที่มี Lifestyle สนุกๆ จากทางเข้ามองไปจนสุดทางเดิน เห็นทะเลอยู่ลิบๆ เราสองคนรีบเดินไปที่ชายหาด ตอนนี้พระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้ว น้ำทะเลสีไม่ใสอย่างที่เคยเห็นในรูป แต่มันก็ยังสวยมากๆอยู่ดีในความคิดเรา ยืนมองอยู่นาน ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไป มองดูคลื่นใหญ่ๆที่ซัดเข้าฝั่งเป็นระยะๆสบายใจดีจัง
ท้องฟ้าตอนนี้เริ่มเป็นสีทอง ผู้คนต่างทยอยกันออกมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ตก ปกติพอฟ้าเริ่มมืดกล้องใหญ่เริ่มปรับยาก โฟกัสไม่ค่อยได้ถ้าไม่มีขาตั้งกล้อง ทริปนี้ยืมกล้องเล็กเพื่อนมาลองใช้ด้วยเป็นตัวLumix GF8 ของ Panasonic อยากรู้ว่าใช้กล้อง Mirror less แล้วจะรู้สึกยังไง ปรากฏว่าเลิฟมากกกเพราะมันเบา พกพาสะดวก ไม่มีปัญหาเรื่องแสงน้อย ภาพชัดทุกรูป เราเลยได้โมเม้นที่ฝรั่งหุ่นดีๆเค้าไปถ่ายรูปกับพระอาทิตย์ตกกัน ดูท่าโพสก็เดาได้ถึงความแซ่บ 5555 หลังจากพระอาทิตย์ตกก็มีโชว์ควงไฟ กล้องใหญ่เก็บไปเลย ถ่ายมาเบลอหนักทุกรูป T T แต่กล้องเล็กยังไหวอยู่ เดี๋ยวทำรีวิวให้อ่านเร็วๆนี้ค่ะ
ดูควงไฟไปได้ซักพัก ท้องร้อง 5555 งงตัวเอง หิวอะไรนักหนาเพิ่งกินพิซซ่าไปเอง ก็เลยสั่งอาหารเย็นที่นี่เลย ครัวที่นี่เป็นครัวเปิด เราจะมองเห็นทุกอย่างเวลาเค้าทำอาหารให้ อุปกรณ์ก็ดูสะอาดดี เราสั่ง Lamp กับ Oyster มาแบ่งกัน ปิดท้ายด้วย Lava Cake มื้อเย็นมื้อนี้เป็นมื้อที่คึกคักและฟินที่สุด บรรยากาศเสียงเพลงรอบข้าง สลับกับเสียงคลื่นทะเลที่ซัดกระทบฝั่งทำให้นอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังอิ่มใจด้วย
ขับรถจากโรงแรมไปใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ไปถึงจอดรถเสร็จเรียบร้อย พนักงานของ Discover Catamaran ก็เดินออกมาต้อนรับและพาขึ้นเรือ เราเลือกเป็นโปรแกรม C โปรแกรมนี้จะไม่มีดำน้ำ แต่มีพาไป Beach Club ไปพายเรือคายัค และชมพระอาทิตย์ตก ตอนนี้ท้องฟ้าที่ครึ้มๆหายไปแล้ว แสงแดดเริ่มส่องทะลุเมฆลงมา ดีใจๆ นาทีนี้ขอเลือกให้มีแดดมากกว่าฝนตก เห็นแดดจ้าแบบนี้รีบหยิบทาครีมกันแดดมาทาแทบไม่ทัน พอเรือออก ทุกคนดูตื่นเต้น ออกมาถ่ายรูปกับทะเลกันใหญ่
ที่แรกที่เราลงจากเรือเพื่อไปทานอาหารกลางวันก็คือ Beach Club ที่เกาะนาคาใหญ่ ที่นี่ใครอยากจะว่ายน้ำก็ได้ มีสระว่ายน้ำให้ มีเตียงผ้าใบให้นอนชิล อาหารที่นี่อร่อยมาก โดยเฉพาะสปาเก็ตตี้ รสชาติกลมกล่อมดีมาก และที่ขาดไม่ได้คือน้ำสับปะรด พูดเลยว่าถ้ามีโอกาสได้มา อย่าลืมสั่งสองเมนูนี้นะคะ ห้ามพลาดๆ ทานข้าวเสร็จก็มีเวลาไปเดินเล่นริมทะเลก่อนจะขึ้นเรือ น้องที่มาด้วยกันก็ไปกระโดดถ่ายรูปเล่นกันอย่างสนุกสนาน ช่างภาพของ Discover Catamaranก็น่ารัก ตามเก็บภาพให้ทุกคนอย่างใกล้ชิด
เรือค่อยๆแล่นไปเรื่อยๆ แสงแดดกระทบกับผิวน้ำทะเลระยิบระยับ ในขณะที่กำลังทอดอารมณ์เพลินๆ ก็ได้ยินเสียงไกด์เรียก “พี่ๆอยากกินกุ้งสดๆมั๊ย มีชาวบ้านพายเรือมาขาย” เรายังไม่ทันตอบ ก็หันไปเห็นตาลพยักหน้า เอาค่ะๆ เรื่องกินไม่ต้องเป็นห่วงเพราะตาลจะเร็วมาก เราลุกไปดูทีี่ท้ายเรือก็เห็นป้ากับลุงนั่งอยู่บนเรือพร้อมชูกุ้งสดๆที่เพิ่งจับได้ให้ดู ก็เลยอุดหนุนแกมาโลนึง 500 บาท ได้กุ้งสดๆมาเพียบเลย ป้าแถมปูให้ตัวนึงด้วย "เดี๋ยวหนูจัดการย่างกุ้งให้ ตอนที่พี่ไปนั่งเรือคายัค กลับมาก็ได้กินกุ้งพอดี หนูมีน้ำจิ้มซีฟู๊ดเตรียมมาให้ด้วย" น้องไกด์น่ารักมาก อาสาดูแลให้ทุกอย่าง
จุดหมายต่อไปคือเราจะนั่งเรือคายัคเล่นที่เกาะห้อง ตอนที่กำลังจะลงคายัคเมฆก้อนใหญ่ก็ลอยมาบังแสงอาทิตย์ แดดหายไปหมดเลย ตอนอยู่บนเรือสนุกมาก ลุ้นตอนที่คลื่นซัดแล้วเรือโคลงเคลงไปมา กลัวหล่น บางจุดลอดเข้าไปในถ้ำเล็กๆ เราก็ต้องนอนราบไปบนเรือ ทั้งคนนั่งและคนพาย มีความทุลักทุเลและความสนุกผสมกัน ระหว่างนั้นก็ผ่านกับคายัคลำอื่นๆนักท่องเที่ยวก็โบกมือทักทายกัน ดีใจที่เห็นคนต่างชาติมีความสุข และเพลิดเพลินกับธรรมชาติของประเทศเรา : )
ตอนนั้นก็ยังยิ้มๆอยู่ หารู้ไม่อีกไม่กี่นาทีจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้น ซู่ๆๆ ฝนเม็ดเล็กๆตอนนี้กลายเป็นตกมาทั้งฟ้าเลย ตกหนักมากกก ใจตอนนั้นห่วงแต่กล้อง แต่หันไปเห็นคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดมาใส่เรือคายัคลำเล็กๆที่เรานั่งอยู่ เริ่มห่วงตัวเองด้วย 5555 คือชูชีพก็ไม่ได้ใส่ ฮ่าๆๆ ทั้งกลัว ทั้งสนุก ทั้งตื่นเต้น หันกลับไปมองหน้าตาล คือหน้าจี้มาก เพราะตาลว่ายน้ำไม่เป็น และไม่ชอบการผจญภัยเอาซะเลย อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ทำอะไรไม่ได้ นอกจากหัวเราะแล้วก็หยิบกล้องมาอัดวีดีโอช่วงเวลานั้นเก็บไว้เป็นความทรงจำ เราใส่ไว้ตอนท้ายของคลิปด้วยนะ เปิดดูทีไรก็อดหัวเราะไม่ได้ทุกที
พอถึงเรือใหญ่ชีวิตดีขึ้นมาทันที รอดตายแล้วเรา กลิ่นกุ้งเผาสดๆมันช่างหอมอะไรขนาดนี้ ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว ท้องฟ้าค่อยๆเปลี่ยนสีเป็นทองอร่ามทั้งผืนฟ้า เป็นช่วงเวลาที่จะไม่ลืมเลย ดูพระอาทิตย์ตกกลางทะเล มันรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง ใครอยากได้ฟิลนี้ ลองดูรายละเอียด โปรแกรม C ของ Discover Catamaran นะคะ หลังจากถึงท่าเรือก็ขับรถกลับไปกินข้าวมื้อเย็นที่โรงแรม ถึงห้องแทบสลบ คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วที่จะนอนที่นี่ เวลาผ่านไปเร็วจัง T T ถ้ามีโอกาสจะกลับมาเยือนอีกครั้งนะ Dream Phuket Hotel ดูรายละเอียดโรงแรมเพิ่มเติมได้ที่นี่นะคะ MORE INFO
DAY 3
เราตื่นมาทานอาหารเช้าแล้วก็รีบ Check out เพราะจองทัวร์ดำน้ำไว้กับ LOVE ANDAMAN
พอไปถึงไกด์แนะนำตัวแล้วก็บอกข้อห้ามในการดำน้ำ และข้อควรระวังต่างๆ นั่งอยู่บนเรือไปได้ซักพักเรือก็จอด ถึงจุดที่เราจะได้ดำน้ำแล้วววว จุดมุ่งหมายวันนี้คือเกาะราชา/ไม้ท่อน ตอนนั้นแอบตื่นเต้น เพราะมานั่งๆนึกดูหลายปีแล้วนะที่ไม่ได้ดำน้ำแบบนี้
หลังจากได้ดำน้ำดูปลา ดูโลกใต้น้ำจนหนำใจแล้ว ก็รู้สึกหมดแรง 5555 นี่พวกเราแก่แล้วหรอเนี่ย ดำน้ำแค่นี้ ขึ้นมาหน้าซีดกันหมด อาจเป็นเพราะวันนี้คลื่นลมแรง ทำให้เราออกแรงเยอะโดยไม่รู้ตัว ถึงน้ำวันนี้จะไม่ใสมาก ปลาก็ไม่ค่อยเยอะ แต่โลกใต้น้ำก็มีเสน่ห์และทำให้เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็น ต่อไปก็ได้เวลาของเกาะไม้ท่อนแล้ววว ตอนนี้คือใจจดใจจ่อมาก เพราะหิวสุดๆ ใช้เวลาประมาณไม่กี่นาทีจากตรงนี้ก็จะถึงละ
ตอนที่ไปถึงเกาะไม้ท่อนแดดเปรี้ยงมาก LOVE ANDAMAN เตรียมอาหารให้พร้อมเลย ทั้งกุ้ง ปลาหมึก กับข้าวต่างๆก็เตรียมรออยู่แล้ว แม่ครัวที่นี่ฝีมือดีมาก อาหารอร่อยเกือบทุกอย่างจริงๆ หลังจากอิ่ม ไกด์ก็รวมรวมสมาชิคที่ต้องการจะดำน้ำให้ไปรวมตัวกัน ใครไม่อยากดำน้ำ ก็นั่งเล่นนอนเล่นที่เกาะได้ เราสองคนเลยขอนอนชิวๆ ดำน้ำเล่นริมหาดนี่แหละ ทรายที่นี่ขาว น้ำทะเลก็สีฟ้าใส ยิ่งตอนแดดออก สีน้ำทะเลยิ่งสวย อยากจะจำความรู้สึกนี้ให้แม่นๆ ไม่อยากลืมเลย
เราเล่นน้ำทะเลกันอยู่ที่ริมหาด เหนื่อยก็มานั่งพักนอนฟังเสียงคลื่น เผลอแป๊ปเดียว 4 โมงเย็น ได้เวลาขึ้นเรือกลับฝั่งแล้ว เวลาที่มีความสุขมักจะหมดเร็วเสมอ ขอบคุณน้องญาญ่า ไกด์คนสวยของ LOVE ANDAMAN มากๆเลยนะคะ ที่ดูแลเป็นอย่างดี ตอนดำน้ำก็มาคอยช่วยเหลือไม่ห่าง มาคอยถามไถ่ คอยถ่ายรูปให้ตลอดเวลาไม่เว้นแม้กระทั่งตอนอยู่ใต้ทะเล ประทับใจมากๆ มาภูเก็ตคราวหน้าเราคงได้เจอกันอีกแน่นอน : ) พอเรือถึงฝั่งโบกมือลากันเรียบร้อยก็แยกย้ายกันกลับ จุดมุ่งหมายต่อไปของเราก็คือ ศรีพันวา!
ถ้านึกถึงรีสอร์ทที่สวยๆ วิวเลิศๆที่ภูเก็ต ศรีพันวาน่าจะเป็นอันดับต้นๆที่คนนึกถึง เคยซื้อ Voucher ไว้ตอนมีโปรโมชั่นในงานไทยเที่ยวไทย ตอนนี้ได้โอกาสใช้แล้ว yippyyy อยากรู้เหมือนกันว่าที่พักสวยๆที่เค้าลือกัน ข้างในมันจะเป็นยังไง ได้ไปเห็นกับตาตัวเองก็คราวนี้ พอไปถึงก็มีพนักงานต้อนรับพาไป Check in และเสิร์ฟ Welcome drink กับผ้าเย็นหอมๆ บรรยากาศที่นี่ตกแต่งสไตล์ไทย ผสมกับความโมเดิร์นได้อย่างลงตัว หลังจากกรอกเอกสารครบแล้ว พนักงานก็เอาแผนที่ของศรีพันวามาอธิบายให้ฟังว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน ร้านอาหารอยู่ตรงไหนบ้าง มีจุดไหนที่น่าไปถ่ายรูป ตะลึงมาก ไม่เคยรู้มาก่อนว่าศรีพันวาจะใหญ่ขนาดนี้ ดูคร่าวๆน่าจะใหญ่ประมาณภูเขาลูกย่อมๆหนึ่งลูก จะไปไหนมาไหน ก็ต้องโทรเรียกรถ ไม่เกิน5 นาที รถจะมารับเราให้ไปยังจุดต่างๆ
พอไปถึงห้องก็มีพนักงานอีกคนยืนต้อนรับอยู่หน้าวิลล่าแล้ว ยืนยิ้มแฉ่งเลย น่ารัก 55555 ก็เหมือนทุกที่ พนักงานก็จะคอยบอกเราว่าอุปกรณ์มีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง จริงๆเวลาไปพักแต่ละที่ความประทับใจส่วนนึงมากจากพนักงานเลยนะ เวลาที่เจอพนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส ความเป็นกันเองของเค้ามันทำให้เราอยากจะยิ้มตาม ขอบคุณนะคะคุณส้ม(แอบเห็นป้ายชื่อ)
สิ่งแรกที่เห็นเมื่อเปิดประตูวิลล่าเข้าไปก็คือ สระว่ายน้ำส่วนตัวที่เห็นวิวทะเลสุดลูกหูลูกตา มีศาลา Outdoor ให้นั่งเล่นนอนเล่น
เปิดประตูเข้าไปข้างในก็จะเห็นมุมนั่งรับแขกขนาดใหญ่ ใหญ่จนเป็นเตียงได้เลย มีโต๊ะทานข้าวเล็กๆตรงมุมห้อง มีทีวี ไอพอต พร้อมเครื่องเสียง Bose การตกแต่งในวิลล่าก็จะออกแนวไทยๆ แต่แอบแฝงไปด้วยความรู้สึกเท่ๆ น่าจะเป็นเพราะโทนสีและของตกแต่งด้วยที่ทำให้รู้สึกแบบนั้น กลิ่นอโรม่าในห้องจะเป็นกลิ่นคล้ายๆตะไคร้ผสมกับ peppermint ทำให้ผ่อนคลายมากๆ ถัดจากโซนห้องรับแขกด้านหน้าขวามือ ก็จะเป็นครัว มีตู้เย็น เครื่องชงกาแฟ กาต้มน้ำให้พร้อม ของทั้งหมดกินฟรีทุกอย่างยกเว้นไวน์ ด้านซ้ายเป็นห้องนอนที่มองไปเห็นวิวทะเล มันฟินตรงน้ี ลืมตาตื่นมาตอนเช้าเห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้น คงมีความสุขน่าดู ด้านหลังเป็นห้องแต่งตัว และห้องน้ำ ห้องน้ำที่นี่สามารถใช้เป็นห้อง Stream ได้ด้วย เลิศจริงๆ
วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว คงไม่ได้ทำอะไรนอกจากนอนแช่น้ำเล่น มองวิวทะเล นี่สินะ ที่เรียกว่าช่วงเวลาพักผ่อนของจริง ถึงตอนนี้ พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ตาลขึ้นไปอาบน้ำก่อน เรายังแช่อยู่ในสระ ปรากฏว่ามีเสียงกดออด "ขออนุญาตินะคะ เอาเค๊กมาให้ค่ะ" ตอนนั้นแอบงง เราสั่งเค๊กไปตอนไหน นึกขึ้นได้ว่าวันนี้วันเกิดตาลนี่นา ทางโรงแรมเค้าน่าจะเห็นว่าตาลเกิดวันนี้ตอน Check in เพราะต้องยื่นบัตรประชาชนให้ : )
และตาลก็ได้เป่าเค๊กวันเกิดก่อนนอน 5555 ขอบคุณศรีพันวาที่ใส่ใจทุกรายละเอียดของลูกค้า มันเป็นอะไรเล็กๆน้อยๆ แต่พิเศษมากในความคิดเรา
DAY4
วันนี้ลืมตาตื่นมา เพราะเสียงตาลปลุก “ดาวๆตื่น พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้ว” ภาพที่เห็นตรงหน้าคือวิวทะลกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แสงสีชมพูๆของพระอาทิตย์ที่กำลังค่อยๆโผล่ขึ้นมาทักทายกับวันใหม่ มันสวยจนไม่รู้จะอธิบายว่าอะไร ครั้งนึงในชีวิตได้ตื่นมาเห็นวิวแบบนี้ มันเป็นอะไรที่น่าจดจำมากๆ พอได้สติ สิ่งแรกที่มองหาคือกล้อง ลืมตามาก็ถ่ายรูุปเลยยยย เกิดมาชอบถ่ายรูปมันก็คงต้องเป็นแบบนี้แหละเนอะ 5555
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เรียกรถให้ไปส่งที่ Baba Pool Club ที่นี่คือที่ๆเราจะไปทานอาหารเช้ากัน ที่นี่บรรยากาศสบายๆ น่ารัก ตรงเพดานประดับด้วยโคมไฟห้อยๆลงมาเต็มเลย หันไปด้านขวาจะเป็นที่นั่ง Outdoor มองไปก็จะเป็นสระน้ำกับวิวทะเลสวยๆอีกแล้ว ที่นี่ไม่ว่าจะไปมุมไหน ก็สวยไปซะหมด อาหารที่นี่ก็จะมีเรียงรายให้เลือกหลายชนิดทั้งขนมปัง ผักผลไม้ สลัด อาหารต่างๆ ติดใจแพนเค๊กกล้วย อร่อยเหาะ เห็นรูปแล้วก็คิดถึง อยากกินอีก T T
ที่นี่มีโซนที่เพิ่งเปิดใหม่ชื่อ The Habita น่ารักมากๆ มีสระว่ายน้ำใหญ่ๆ สองชั้น ร่มชายหาดลายๆสีขาวดำ ทำให้โซนนี้ดูเก๋ไปอีก ต้นไม้สูงรายล้อมอยู่รอบๆบริเวณนี้ทำให้มีร่มเงาหลบแดด เสียงจักจั่นร้องกันระงม จนแอบมโนไปว่านี่อยู่ป่าดงดิบรึเปล่า เหมือนจริงๆ โซนนี้ที่น่าสนุกคือชั้นล่างเป็นน้ำตก ความใฝ่ฝันวัยเด็กที่จะได้เล่นในสระแบบนี้ก็เป็นจริงซักทีในวัยกลางคน T T ซึ้ง นี่ละมั้งที่เรียกว่ารางวัลชีวิต หาเงินได้มา เก็บไว้หน่อยนึง ที่เหลือก็เอามาเที่ยว ไม่รู้นะ เราว่าความสุขของแต่คนไม่เหมือนกัน บางคนมีความสุขที่ได้กิน บางคนมีความสุขที่ได้ช๊อปปิ้งของแพงๆ บางคนมีความสุขที่ได้เที่ยว ได้เห็นโลกกว้าง ตราบใดที่ไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ว่าจะชอบแบบไหน เราว่าก็โอเค : )
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะอยู่ที่รีสอร์ทสวยๆอย่างศรีพันวา ไหนๆมาแล้วเราจะต้องไม่พลาดไปที่สำคัญอย่าง Baba Nest ที่นี่คือจุดที่อยู่สูงที่สุดของรีสอร์ทนี้ จะเห็นวิวทะเล 360 องศา มีสระน้ำบนนั้น ที่สำคัญมีโต๊ะแค่ 12 โต๊ะ แขกที่มาพักก็เลยต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยเดือนนึงถ้าอยากจะขึ้นไปนั่งเล่น ไม่งั้นโต๊ะจะเต็มหมด อยู่บนนั้นเราจะเห็นทุกคนมีความสุขกับการถ่ายภาพ บางคนก็โดดลงสระว่ายน้ำ บางคนก็นอนคุยกันกระหนุงกระหนิง โมเม้นที่อยู่บนที่สูงขนาดนั้น มองวิวท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีฟ้ากลายเป็นเหลืองทอง พระอาทิตย์ที่ค่อยๆลับขอบฟ้าไปทีละนิดๆ เสียงเพลงบรรเลงเบาๆ สลับกับเสียงพูดคุยหัวเราะกัน มันดีงามที่สุดของที่สุด เรานั่งเล่นคุยกันอยู่จนค่ำแล้วก็กลับเข้าห้องไปพักผ่อน
DAY5
วันนี้ตื่นเช้าดื่มดำ่กับวิวพระอาทิตย์ขึ้นเหมือนเคย ทานอาหารเช้าแล้วก็ต้อง Check out เราต้องจากกันแล้วนะศรีพันวา รีสอร์ทในฝัน ดีใจที่ครั้งนึงได้มาสัมผัส ได้มาใกล้ชิด และรู้ว่าทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไป มันคุ้มค่าจริงๆ ที่นี่อาจจะดูราคาสูงสำหรับหลายๆคน แต่พอได้มาอยู่ได้มาเห็น ก็เข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมถือต้องเป็นราคานี้ รีสอร์ทกว้างใหญ่เท่าภูเขาลูกนึง มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆพร้อม ไม่ว่าจะเป็นรถรับส่งภายในรีสอร์ทตลอด 24 ชั่วโมง มีพนักงานเกือบ 400 คนคอยดูแล ทำนุบำรุงรีสอร์ท ทั้งตัดแต่งต้นไม้ ทำความสะอาดสระน้ำ ห้องพัก ดูแลพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ สารพัด เอาเป็นว่าซักครั้งลองมาสัมผัสเองแล้วจะเข้่าใจและรักที่นี่เหมือนเรา ดูข้อมูลศรีพันวาเพิ่มเติมได้ที่นี่นะคะ MORE INFO
หลังจากCheck out แล้วแพลนวันนี้ก็คือไปเที่ยวเล่นใน ภูเก็ต Old Town มีรถแล้วก็ต้องไปซะหน่อย จากศรีพันวาขับไปถึงก็ประมาณ 40 นาที Old Town ก็น่ารักดีนะ ตึกโบราณๆ ตกแต่งแบบย้อนยุคเห็นแล้วมันมีความสุขดี เป็นฟิลลิ่งอ่ะเนอะ เดินเล่นซอยโน้นออกซอยนี้ เจอ Graffity ที่ผนังนึงก็เลยแวะถ่ายด้วยซะหน่อยจะได้ไม่ตกเทรน จริงๆแล้วมันทีหลายที่นะ แต่เรามีเวลาไม่เยอะก็เลยได้รูปมาที่เดียวเอง ดีกว่าไม่ได้เลยเนอะ แฮ่ะๆ
เดินไปเดินมา หิว! ก็เลยหาข้อมูลในเนตว่าร้านไหนอร่อยๆมั่ง ร้านที่เค้าว่าอร่อยเป็นอาหารพื้นเมืองภูเก็ต เดินไปถึงหน้าร้านแล้วก็ดันปิด ไม่รู้ทำไง ก็เลยเดินไปเรื่อยๆด้วยความหิว โชคดีที่ฟ้ายังเป็นใจให้เราไปเจอกับร้านอร่อย เย้! ร้านนี้เป็นร้านธรรมดาๆ แต่คนนั่งเยอะเหมือนกันเลยไม่รีรอเปิดเข้าไปนั่งสั่งอาหารด้วยความหิว ที่สั่งไปก็มีขนมปังหน้ากุ้ง ต้มยำเห็ดน้ำใส และหมูทอดเกลือ กินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยมาก ถูกใจมาก ร้านนี้ชื่อครัวอังคณา อยู่ถนน เยาวราช โทร 076-222201นะคะ เผื่อใครอยากไปลองชิม
ที่พักสุดท้ายของทริปคือ อนันตราหาดไม้ขาว ที่นี่อยู่ใกล้ๆกับสนามบินเลย พอไปถึง จอดรถเสร็จเรียบร้อย เดินเข้าไปเช็คอิน แอบตกใจเบาๆ คิดว่าหลงเข้ามาอยู่ในหนังเรื่องนางทาส 55555 ที่นี่ตกแต่งสไตล์ไทย 100% สวย มีเสน่ห์ ยากที่จะบรรยายเลยจริงๆ ขนาดเราเป็นคนไทยยังรู้สึกชอบมาก คิดว่าชาวต่างชาติที่มาพักต้องหลงไหลแน่นอน บรรยากาศที่นี่ร่มรื่นมาก ต้นไม้เยอะ มีสระบัวใหญ่ๆ มีเป็ดว่ายน้ำเล่น มีปลาเต็มบ่อ รู้สึกถึงความอุดมสมบูรณ์ หลังจาก Check in เรียบร้อย พนักงานก็พาขึ้นรถไปยังห้องพัก
ห้องที่เราพักคือวิลล่าที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว มีคลองอยู่ด้านหลัง เปิดประตูเข้าไปน้ำตาจะไหล สวยอะไรขนาดนี้ ประตูทางเข้าเหมือนเรือนไทยโบราณ เปิดเข้าไปจะเห็นสระน้ำ มีศาลาไม้เล็กๆให้นั่งเล่น เข้าไปในห้องพักตะลึงกว่าเดิมกับเตียงที่น่านอน ถัดจากห้องนอนไปก็เป็นห้องแต่งตัว และห้องน้ำ ในส่วนของห้องน้ำ สามารถเปิดประตูออกไปเจอจากุซซี่และสระด้านนอกได้ การออกแบบลงตัวมาก หลงรักที่นี่ภายในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากพรุ่งนี้เราจะกลับกรุงเทพแล้ว มีเวลาอยู่ที่นี่ไม่นานเลยต้องรีบออกไปสำรวจซักหน่อย
เราเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับความสวยของที่นี่ สูดหายใจเอาลมทะเลเข้าไปเต็มปอด “มีความสุข ก็ให้รู้ว่ามีความสุข” บอกกับตัวเองในใจ พอเดินลงไปถึงชายหาด เห็นทะเลเท่านั้นแหละ ตะลึงไป 5 วิ อะไรมันจะคลื่นใหญ่เบอร์นี้ คลื่นสีขาวๆม้วนตัวสูงท่วมหัวเลย สวยมากกก ไม่เคยเห็นทะเลที่ไหนสวยเท่านี้มาก่อน รู้สึกได้เลยว่าตัวเองตื่นเต้นสุดๆ กระโดดโลดเต้น วิ่งเข้าไปใส่คลื่นไม่กลัวเลย ส่วนตาลจะรอบคอบ ระวังตัวอยู่ตลอดเวลา จะยืนห่างๆอยู่ไกลๆ จนเราต้องลากให้มากระโดดเล่นเป็นเพื่อนกันหน่อย นั่งถ่ายรูปน้ำทะเลอยู่ ก็รู้นะว่าคลื่นแรง แต่ก็ไม่คิดว่าจะซัดเราทั้งตัวแบบนั้น ฮือ ดูในวีดีโอจะเห็นว่าโดนซัดจนหงายหลายรอบ เป็นอะไรที่เจ็บปวดแต่มีความสุข น้ำทะเลเค็มปี๋เลย กินเข้าไปตั้งหลายอึก 5555
เรานั่งเล่น มองทะเลอยู่ตรงนั้นนานมาก จนพระอาทิตย์เริ่มจะลาลับขอบฟ้า ที่หาดนี้จะมีขอนไม้ใหญ่อยู่ขอนนึง นึกสนุกยังไงไม่รู้ ลองปีนขึ้นไปดีกว่า อะไรมันส์ๆขอให้บอก ชอบมาก ไม่เข้ากับหน้าเลยจริงๆ เราปีนบนขอนไม้อย่างทุลักทุเล แต่ในที่สุดก็ขึ้นจนได้ เดินไปจนสุด นั่งอยู่บนนั้นดูแสงสุดท้ายของวัน มองคลื่นลม และทะเล อิ่มใจที่สุดเลยวันนี้
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วของทริปภูเก็ต ก่อนนอนก็นึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งขอบคุณตัวเองด้วย ที่ให้รางวัลดีๆกับชีวิต ทริปนี้เป็นทริปที่สนุกและมีความสุขทริปนึงที่จะไม่ลืมเลย
DAY 6
เช้าวันสุดท้าย สิ่งแรกที่ทำหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จคือเดินไปทานข้าว ห้องอาหารที่นี่น่ารักมาก ที่นั่งเป็นทรงกลม มีม่านยาวๆห้อยลงมาจากเพดานอลังการมาก อาหารก็มีหลากหลายชนิดให้เลือกน่าทานทุกอย่างจริงๆ
ก่อนจะกลับ ก็ขอไปยืนร่ำลาทะเลและฟองคลื่นขาวๆเป็นครั้งสุดท้าย ได้นอนเล่นในรังนกและนอนบนเปลสีขาวๆตามที่ได้ตั้งใจไว้ ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เราจะได้เจอกันอีกนะทะเลแสนสวย หลังจาก Check out เสร็จก็ขับรถไปยังสนามบิน ครั้งนี้รู้สึกเลยว่าได้รู้จักภูเก็ตมากขึ้นเยอะ และมันก็ทำให้รักภูเก็ตมากขึ้นเช่นกัน ขอบคุณที่ทำให้เรามีความทรงจำดีๆในปี 2016 แล้วเจอกันใหม่นะ
ในส่วนของที่พัก เราทำรีวิวต่างหากไว้ใส่รูปและรายละเอียดเยอะขึ้น สามารถดูเพิ่มเติมโดยกดที่รูปได้เลยนะคะ